ทอม ครูซ คือนักแสดงที่คนทั่วโลกชื่นชม
ผู้สร้างผลกระทบให้กับวงการภาพยนตร์จนประเมินค่าไม่ได้
ด้วยการสร้างสรรค์ตัวละครที่อยู่ในความทรงจำมากที่สุดตลอดกาลในภาพยนตร์ที่
เป็นตำนานอย่าง“Top Gun,” “Jerry Maguire,” “Risky Business,” “Minority
Report,” “Interview with the Vampire,” “A Few Good Men,” “The Firm,”
“Rain Man,” “Collateral,” “The Last Samurai, “ “Edge of Tomorrow” และ
“The Color of Money”
ในฐานะผู้สร้างภาพยนตร์
เขาได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในทุกแง่มุมของงานสร้างภาพยนตร์
ความสามารถที่หลากหลายของครูซ
ปรากฎให้เห็นในภาพยนตร์และบทบาทที่เขาเลือกแสดง เขามีผลงานภาพยนตร์ 39
เรื่อง และหลายเรื่องที่เขาทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างรวมถึง Mission: Impossible
เขา
ยังได้ร่วมงานกับผู้กำกับเก่งๆ มากมาย ซึ่งรวมถึง ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า,
ริดลี่ย์ สก็อตต์, โทนี่ สก็อตต์, มาร์ติน สกอร์เซซี่, แบร์รี่ เลอวินสัน,
โอลิเวอร์ สโตน, รอน ฮาวเวิร์ด, ร็อบ ไรเนอร์, ซิดนี่ย์ พอลแล็ค, นีล
จอร์แดน, ไบรอัน เดอ พัลม่า, คาเมรอน โครว์, สแตนลี่ย์ คูบริค, พอล โธมัส
แอนเดอร์สัน, เอ๊ด ซวิค, สตีเว่น สปีลเบิร์ก, ไมเคิล มานน์, เจเจ อับรามส์,
โรเบิร์ต เร็ดฟอร์ด, แบร็ด เบิร์ด, ดั๊ก ไลแมน และคริส แม็คควอร์รี่
ครูซประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะนักแสดง
ผู้อำนวยการสร้าง
และยังเป็นคนใจบุญสุนทานนับแต่อยู่ในวงการมานานกว่าสามทศวรรษ
เขาเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 ครั้ง
และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำถึง 3 รางวัล
ผลงานภาพยนตร์ที่เขาแสดงเอาไว้ทำรายได้จากทั่วโลกไปมากกว่า 8
พันล้านดอลล่าร์ ถือเป็นความสำเร็จที่ไม่มีใครทัดเทียม ภาพยนตร์ของครูซ 18
เรื่อง สามารถทำรายได้ในอเมริกาได้มากกว่า 100 ล้าน และมี 21
เรื่องที่สามารถทำรายได้จากทั่วโลกไปมากกว่า 200 ล้าน
“ Mission: Impossible -
Ghost Protocol” เปิดตัวฉายในเดือนธันวาคม ปี 2011 และทำรายได้ไปเกือบ 700
ล้าน จนกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดสำหรับครูซ
เมื่อรวมรายได้ทั้งหมดจากการเปิดตัวฉายของภาพยนตร์ชุด " Mission: Impossible
" สูงมากกว่า 2 พันล้าน นับแต่ที่ครูซเริ่มคิดหาไอเดียในการสร้างภาพยนตร์
และเริ่มต้นทำงานอำนวยการสร้าง และยังรับบทนำเป็น อีธาน ฮันท์
"Mission:
Impossible Rogue Nation" ภาคที่ 5
ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าโรงฉายทั่วโลกในซัมเมอร์นี้ ปัจจุบัน
ครูซอยู่ระหว่างดำเนินงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Mena โดยเขาได้ร่วมงานกับ
ดั๊ก ไลแมน อีกครั้ง หลังจากนั้น เขาจะถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Nowhere to
Run” ซึ่งสร้างจากนิยาย แจ็ค รีชเชอร์ ตอนล่าสุด
ซึ่งจะทำให้เขาได้กลับมาร่วมงานกับ เอ๊ด ซวิค อีกครั้ง
ผลงานในระยะหลังๆ ของครูซ
ยังรวมถึงภาพยนตร์อย่าง “Edge of Tomorrow”
ซึ่งเปิดตัวฉายโดยได้รับคำชมไปทั่ว, “Oblivion”
และภาพยนตร์ทริลเลอร์สุดเขย่าขวัญเรื่อง “Jack Reacher”
ซึ่งทำรายได้จากทั่วโลกไป 218 ล้าน
และยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำกำไรสูงสุดในปี 2012 ก่อนหน้านั้น
ผลงานภาพยนตร์ของครูซ ยังได้แก่การร่วมแสดงในภาพยนตร์ตลกสุดฮิตของ เบน
สติลเลอร์ เรื่อง “Tropic Thunder”
ซึ่งเขารับบทเป็นเจ้าพ่อวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เลส กรอสส์แมน
บทบาทที่ครูซสร้างขึ้นมาเองนี้ ทำให้เขาได้รับคำชมจากทั้งนักวิจารณ์และคนดู
รวมไปถึงยังทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำรางวัลที่ 7
ด้วย
ครูซเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล
ออสการ์ สาขาดารานำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง “Born on the Fourth of
July” และ “Jerry Maguire”
นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในสาขาดาราสมทบชายยอดเยี่ยมจาก
ภาพยนตร์เรื่อง “Magnolia”
เขายังได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ 3 รางวัล
ในสาขาดารานำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง “Born on the Fourth of July”
จาก “Jerry Maguire” และสาขาดาราสมทบชายอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง
“Magnolia” และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงจากภาพยนตร์เรื่อง “Risky
Business,” “A Few Good Men” และ “The Last Samurai”