|
ไหว้สารทจีนให้ดี รับโชคมากมาย |
“สารท” แปล ว่า...กลาง เทศกาล
สารทจีนคือเทศกาล
ในเดือน 7 ของจีนที่อยู่ในช่วงกลางปี “วัน
สารทจีน” คือวันที่ 15 เดือน 7 ของจีน...วันกลางเดือนของเดือนกลางปี
จิตรา ก่อนันทเกียรติ เก็บข้อมูลไหว้เจ้ามานาน
พบข้อมูลใหม่ถึงจังหวะการเลือกวันไหว้ของคนจีนที่น่าสนใจว่ามีการตั้งใจที่
จะไหว้ในวันที่ 1 เดือน 1 ของจีน คือ “วันตรุษจีน”...ไหว้วันที่ 3 เดือน 3
ของจีน คือไหว้ วันเกิดตั่วเหล่าเอี๊ย–ศาลเจ้าพ่อเสือ...ไหว้วันที่ 5 เดือน
5 ของจีน คือ เทศกาลไหว้บะจ่าง
ไหว้วันที่ 7 เดือน 7 ของจีน คือ
ไหว้แม่ซื้อพ่อซื้อที่วัดเล่งเน่ยยี่... ไหว้วันที่ 9 เดือน 9 ของจีน คือ
วันเกิดปั๊กเต้าบ้อ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลกินเจ...ไหว้วันที่ 11
เดือน 11 ของจีน เป็นการ ไหว้วันเกิด
“ตี่จั่งอ๊วงผ่อสัก”...พระโพธิสัตว์ที่โปรดสัตว์อยู่ในนรก
ส่วนการ “ไหว้พระจันทร์”...เป็นการไหว้เข้าคู่กับการ...“ไหว้พระอาทิตย์”
ฮ่องเต้ต้องไหว้พระอาทิตย์กลางฤดูใบไม้ผลิคือ 15 เดือน 2 ของจีน
แล้วไหว้พระจันทร์กลางฤดูใบไม้ร่วงคือ 15 เดือน 8 ของจีน
กับอีกเหตุผลของการไหว้พระจันทร์
หลังจากที่มีการสวดเพื่อปิดประตูนรกในวันสิ้นเดือน 7 ของจีน จิตรา พบว่า
กว่าวิญญาณจะกลับลงไปหมดคือก่อนวันไหว้พระจันทร์ 1 วัน
การไหว้พระจันทร์จึงเป็นการไหว้เพื่อให้เป็นมงคลหลัง
สารทจีน
นี่คือธรรมเนียมไหว้
สารทจีนที่มีตำนานเรื่องเล่าอยู่หลายเรื่องในมุมหนึ่ง
ที่เป็นเรื่องของช่วงเวลา
“พ้อต่อ” แปลว่า...การบอกทางวิญญาณทั้งหมดให้ไปอยู่ในที่สมควร
การไหว้ “ไป๊ฮ้อเฮียตี๋” หรือไหว้สัมภเวสี...ผีไม่มีญาติ
เพื่อเปลี่ยนพลังร้ายจากการตายไม่ดีหรือตายโหง ให้เป็นพลังดี
ที่อำนวยคุณให้ทำมาค้าขึ้น
กรณีตัวอย่างเกิดขึ้นที่ห้องแถวขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในย่านเยาวราช
ปกติลูกจีนจะไหว้ผีไม่มีญาติที่หน้าบ้านด้านนอกบ้าน
แต่ทำไมร้านขายของที่ตกแต่งหรูหรานี้
จึงไหว้ผีไม่มีญาติภายในบ้านที่ด้านหลังห้องแถว
คำตอบคือ...นี่คือการไหว้ตามจุดเดิมที่อาม่าเคยไหว้มาหลายสิบปี
ที่ตรงนี้ดั้งเดิมคือหน้าห้องแถวด้านนอกเหมือนที่ทุกบ้านไหว้กัน...
แต่ไหว้แล้วเวิร์กคือทำมาค้าขึ้นไม่น่าเชื่อ
เมื่อร่ำรวยมีเงินแล้วจึงคุยกับเจ้าของที่ซึ่งเมื่อฟังนามสกุลแล้วจะร้องอ๋อ
ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ ขอสร้างเป็นห้องแถวใหม่ขนาดใหญ่ จาก 2
ห้องเล็กๆกลายเป็น 5 คูหาใหญ่ๆ
ที่แม้นหน้าตาห้องแถวจะเปลี่ยนไปแต่อาม่าก็ยังไหว้จุดเดิม
เมื่ออาม่าเสียไป...สะใภ้ก็สืบทอดธรรมเนียมไหว้เหมือนเดิมทุกประการ
รวมถึงการแก้เคล็ดที่ต้องเชิญ...“อย่างว่า” มารับเครื่องเซ่น
ในการไหว้ผีไม่มีญาติของบ้านนี้ จึงมีการไหว้เกลือห่อหนึ่ง
ไหว้เสร็จก็จัดการโปรยเกลือเพื่อให้
“อย่างว่า”...ออกไปให้พ้นบริเวณบ้านเรานี่คือตัวอย่างชัดๆของคนที่ไหว้ผีไม่
มีญาติแล้วได้ร่ำรวยและทำให้เจ้าของธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่ไหว้ผีไม่มีญาติช่วง
สารทจีนเท่านั้น แต่วันไหว้สิ้นปีก่อนเข้าตรุษจีนก็ไหว้ด้วย
ปีแรกหลังการเกิดเหตุเผาเมืองที่สี่แยกราชประสงค์
จิตราบอกผู้บริหารที่ใกล้ชิดเจ้าของห้างแห่งหนึ่งให้ไหว้สัมภเวสี...ส่วนปี
นี้การไหว้
สารทจีนที่สี่แยกราชประสงค์
อยากจะแนะนำให้ไหว้แบบเทศกาลพ้อต่อของภูเก็ต
“พ้อต่อ”...เป็นคำสำเนียงจีนฮกเกี้ยน จีนแต้จิ๋วคือ
“ผู่ตู้”...พ้อแปลว่าข้าม ต่อแปลว่าทั้งหมด
พ้อต่อจึงหมายถึงการพาทั้งหมดข้ามไป
หมายถึงการบอกทางวิญญาณให้ข้ามไปอยู่ที่สมควร...เป็นธรรมเนียมที่พัฒนามาจาก
ธรรมเนียม “ปั่งจุ้ยเต็ง” หรือการลอยกระทงสายในวันที่ 15 เดือน 7 ของจีน
เพื่อบอกทางวิญญาณของคนจีนในอดีตในลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง
เพื่อให้วิญญาณเร่ร่อนรู้ทางไป ไม่อยู่หลอกหลอนหรือทำร้ายผู้คน
เป็นธรรมเนียมที่ตั้งใจบอกทางวิญญาณไปสู่ที่ชอบๆ
โดยคนจีนมีการทำบุญให้วิญญาณพวกนี้ก่อนไปหรือเป็นการกล่อมให้อยู่อย่างสงบ
แล้วเปลี่ยนจากพลังไม่ดีให้เป็นพลังดี ที่บันดาลโชคลาภ
อีกประวัติหนึ่งของภูเก็ตที่น้อยคนจะรู้หรือลืมเลือนไปแล้วคือ...
ภูเก็ตเมื่อหลายร้อยปีก่อน
มีความเป็นป่าดงดิบที่มีโรคภัยไข้เจ็บและสัตว์ดุร้ายที่มีขนาดใหญ่...ดุมากๆ
เช่น งูยักษ์ขนาดงูอนาคอนดา
หนังสือที่ลูกหลานคนภูเก็ตเขียนเล่าถึงการสร้าง ศาลเจ้าแม่เจ็ดดาว หรือ
ศาลเจ้าชิดเชี่ยว เขียนโดยคุณภาพร เนตรอนงค์
ว่าสร้างขึ้นเพื่อข่มอาถรรพณ์วิญญาณพลังงูร้ายที่ตายทับถมกันแล้วพัฒนาพลัง
ร้ายขึ้นมา มีคำเฉพาะเรียกว่า “เจ้าพญางูร่างสิงทับสมิงคา” อย่างไรก็ตาม
จิตราพบว่าภูเก็ตมีการสร้างศาลเจ้าที่ตั้งเทพต้องถือว่าค่อนข้างดุอีกแห่ง
คือ...ศาลเจ้าเซ่งเต็กเบ่ว
ตั้งองค์พญายมในปางดุมากๆคือ...พญายมสามเศียรหน้าลาย
“เมื่อบวกกับคำบอกที่เล่าต่อกันมาว่าในช่วง
สารทจีน
ห้ามออกจากบ้านในยามโพล้เพล้ เพราะอาจถูกวิญญาณเร่ร่อนทำให้โชคร้ายได้
ซึ่งยามโพล้เพล้...เป็นเวลาที่ใกล้กับการระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์พอดี”
ถึง
ตรงนี้ต้องบอกว่ามี 3
เหตุผลที่แนะนำให้ดูและทำตามเทศกาลไหว้พ้อต่อของภูเก็ตคือ
หนึ่ง...วันไหว้ไม่จำเป็นต้องเป็นวันที่ 15 เดือน 7 ของจีน
แต่เป็นวันใดก็ได้ที่อยู่ในช่วงเดือน 7 จีน
เดือน 7 ของจีนมีคำจีนแต้จิ๋วเรียกว่า “กุ้ยโจ่ย”...แปลว่าเทศกาลผี
ประตูนรกจะเปิดในวันที่ 1 เดือน 7 ของจีน...ในปี 2558 ตรงกับวันที่ 14
สิงหาคม และจะปิดประตูนรกในวันสิ้นเดือนตรงกับวันที่ 12 กันยายน 2558
สอง...เป็นการจัดไหว้รวมโดยชุมชน หรือต่างฝ่ายต่างไหว้ก็ได้เช่น
เซ็นทรัลเวิลด์ก็ไหว้ของตัวเอง เกษรพลาซ่าก็ไหว้ของตัวเอง
โรงแรมแกรนด์ไฮแอทก็ไหว้ของตัวเอง โรงพยาบาลตำรวจก็ไหว้ของตัวเอง ฯลฯ
และ สาม...เป็นตัวอย่างภูมิปัญญาจีนที่จัดธรรมเนียมไหว้อย่างประณีตพิถีพิถันมาก
เริ่มจากโต๊ะไหว้มี 2 ชุด...ชุดหนึ่งเป็นโต๊ะไหว้ใหญ่มีเต็นท์บังแดด
สำหรับไหว้ “ไป๊ฮ้อเฮียตี๋”
หรือผีไม่มีญาติที่มีศักดิ์ว่าเป็นบรรพบุรุษที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนนี้มา
ก่อน...ของไหว้มีครบทั้งของคาวหวาน ผลไม้ไหว้
ตั้งไหว้หน้าองค์พญายมที่ทำจากกระดาษเงินทององค์ใหญ่มาก มีการตั้งจำนวนชามและตะเกียบถ้วยชาเป็นจำนวน 12 ชุด ตามจำนวน 12 นักษัตร
โต๊ะไหว้อีกชุดเป็นโต๊ะไม่ใหญ่
แต่น่าสนใจว่า...ตั้งไหว้ผีเร่ร่อนที่อาจลมเพลมพัดมา
กับไหว้เผื่อสำหรับวิญญาณที่ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร
กับวิญญาณที่ก่อนตายอาจเสียด้วยโรคที่สังคมรังเกียจ เช่น โรคเรื้อน
หรือคนที่รูปลักษณ์พิกลพิการ เมื่อเสียแล้วก็ยังกลัวการเป็นที่รังเกียจ
ก็ยังอยากแยกตัวจากหมู่ใหญ่
สำหรับการจัดจานชามที่โต๊ะเล็ก จะจัดจานชามตะเกียบช้อนน้ำชา 36 ที่
เก้าอี้ 12 ตัว มีอ่างน้ำพร้อมผ้าเช็ดมือ พร้อมกับข้าวอีก 12
ถ้วย...หมากพลู บุหรี่ และผักสด
ในการจัดโต๊ะไหว้ที่สี่แยกราชประสงค์
จิตราอยากให้จัดของไหว้แบบไม่ลืมธรรมเนียมว่า...ต้องมีอาหารเจ 1 ชุด
และมีของไหว้สำหรับผีไม่มีญาติที่ชอบทำอาหารทานเอง คือ...มีถ่าน เกลือ
ข้าวสาร น้ำ และน้ำมันกับของไหว้ที่จัดใหญ่ใหญ่ยักษ์เรียกว่า...ภูเขา 5-8
ลูก คือ...ภูเขาเงิน ภูเขาทอง ภูเขาบะหมี่ ภูเขาผักบุ้ง ภูเขาซาลาเปา
ภูเขาผ้าขาวม้า ฯลฯ อวยพรให้ร่ำรวยมีมากมายเป็นภูเขาเลากา
“...ของไหว้ต่างๆในเทศกาลพ้อต่อของภูเก็ตจะแจกให้กับคนที่อยากมารับของ
ไหว้ และทำให้ที่ภูเก็ตมีอีกธรรมเนียม
สารทจีนที่ไม่เหมือนที่อื่น
พัฒนามาจากขนมไหว้เต่าแดงของจีนฮกเกี้ยน การทำขนมไหว้เป็นเต่าใหญ่ยักษ์
เขียนชื่อนามสกุล กับคำอวยพร เช่น จิตรา
ก่อนันทเกียรติ...มั่งมีศรีสุข...เฮงๆ...รวยๆ”
“เรื่องไหว้เจ้า”...ไม่เชื่อเลยก็ประมาท เชื่อเต็มร้อย...ก็ประมาท
เพราะมีความละเอียดในความไม่รู้...ว่าไม่รู้ เช่น
ในการบอกทางให้วิญญาณไปที่ชอบๆอาจไม่ได้ไปได้หมด
“วิญญาณ”...ก็น่าจะเหมือนคนที่บุญวาสนาไม่เท่ากัน...อาจไปได้เลยหรือไปได้
เร็ว หรือ...ต้องอยู่เป็นบริวารเมืองต่อไป.
Cr.
ไทยรัฐ,
Synergy | Facebook
,
doly news
,