ปัจจุบันคนไทยเริ่มให้ความสำคัญในการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายของตนเองดูดีอยู่เสมอและห่างไกลจากโรคมะเร็ง แต่วิวัฒนาการเดียวนี้สามารถตรวจสอบร่างกายว่ามีสุขภาพดีพอที่จะสู้โรค มะเร็งได้หรือเปล่าที่ได้จาก การวัดค่าต่าง ๆ สามารถวัดได้ทั้ง น้ำหนักร่างกาย เปอร์เซ็นไขมัน มวลน้ำ มวลกล้ามเนื้อ และมวลกระดูก เพียงแค่มีเครื่องชั่งน้ำหนักเพียงเครื่องเดียว แต่วิวัฒนาการทางการแพทย์ด้วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ก็สามารถตรวจดูลึกลงไปเพื่อตรวจดูเชื่อมะเร็งได้ด้วย
“60 ปีเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ศิริราช” พัฒนาฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายกว่าจะเป็นการบริการเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่ครบ วงจรในวันนี้...นับเป็นหนึ่งในศักยภาพวงการแพทย์ประเทศไทยที่สำคัญ ทั้งด้านบริการ การเรียนการสอน และการวิจัยในอนาคต สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา โรงพยาบาลศิริราช ได้ให้บริการตรวจ PET/CT มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ในผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม และ ผู้ป่วยโรคลมชัก
“เวชศาสตร์ นิวเคลียร์ทางการแพทย์” คือการใช้สารเภสัชรังสีเพื่อประโยชน์ในการตรวจและรักษาผู้ป่วย การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่เป็นประโยชน์ เช่น การตรวจการกระจายของมะเร็งมาที่กระดูก การตรวจการทำงานของไต การตรวจหาจุดอุดตันของทางเดินน้ำเหลือง การตรวจวัดมวลกระดูกและการรักษาทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ได้แก่ การรักษาผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษหรือผู้ป่วยมะเร็งไทรอยด์ด้วยไอโอดีนรังสี 131 และ การรักษาการกระจายตัวของมะเร็งด้วยสารเภสัชรังสี
ปัจจุบันใน ประเทศไทยมีนวัตกรรมการตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่เป็นประโยชน์ในผู้ป่วย มะเร็ง เรียกว่า PET/CT (Positron emission tomography/computed tomography) สำหรับการตรวจ รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด อาทิ มะเร็งบริเวณศีรษะและคอ มะเร็งปอด มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เนื่องจากมีความแม่นยำสูงในการประเมินระยะโรคของมะเร็ง ประเมินผลการรักษาตรวจหาโรคมะเร็งที่กลับเป็นซ้ำ รวมทั้งสามารถพยากรณ์โรคได้ การตรวจ PET/CT จึงช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม
นอกจาก นี้แล้วก็มีนวัตกรรมการรักษาใหม่ๆ กรณีมะเร็งแพร่กระจายมาที่กระดูก การตรวจกระดูกทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์และการแพร่กระจายของมะเร็ง ด้วยวิธีการที่เราให้สารเภสัชรังสีเข้าไปสะสมอยู่ในตัวกระดูก ไปทำลายเซลล์มะเร็งที่กระดูก ทำให้ยุบลง คนไข้ก็หายปวด ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิง สุนันทา เชี่ยววิทย์ หัวหน้าสาขาวิชาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ศิริราช และ อาจารย์แพทย์หญิงเบญจาภา เขียวหวาน ให้ข้อมูลว่า ศิริราชเป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยท่าน ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณนายแพทย์ร่มไทร สุวรรณิก ถือเป็น “บิดาแห่งเวชศาสตร์นิวเคลียร์แห่งประเทศไทย” ก่อตั้งและทำให้เกิดความก้าวหน้าทางการแพทย์ในศาสตร์นี้
ผ่านมาถึง วันนี้ “เวชศาสตร์นิวเคลียร์” เป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะช่วยในการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วยโดยส่วนใหญ่ก็จะ เป็นผู้ป่วยมะเร็ง โดยใช้สารที่ให้รังสีโพสิตรอน ซึ่งสารพวกนี้มีในธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น คาร์บอน ไนโตรเจน ฟลูออรีน แล้วเราก็ไปจับติดฉลากให้ได้สารเภสัชรังสีที่ต้องการ
ยกตัวอย่างเรา อยากจะดูน้ำตาลก็ไปติดฉลากจนได้"น้ำตาลรังสี" เวลาเอามาตรวจ"น้ำตาลรังสี"จะวิ่งเข้าไปที่เซลล์มะเร็งสูงกว่าเซลล์ปกติ เพราะเซลล์มะเร็งใช้น้ำตาลเยอะ เมื่อเราถ่ายภาพก็จะรู้เลยว่าตรงไหนเป็นตำแหน่งมะเร็ง เพราะจะมีตำแหน่งของน้ำตาลเยอะกว่าปกติ นี่คือวิธีการ มีความแม่นยำสูง เป็นการศึกษาในระดับเมตาบอลิสม์ของเซลล์
คำถามต่อมา เมื่อพูดถึงรังสี น่ากลัวหรือเปล่า? อาจารย์แพทย์หญิงเบญจาภา เสริมว่า รังสีมีปริมาณไม่มาก แล้วจะลดระดับลงไปเรื่อยๆ ปลอดภัย คนไข้ตรวจเสร็จไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็สามารถกลับบ้านได้ ตัวคนไข้ไม่แพ้ โมเลกุลก็เหมือนน้ำตาลไม่มีรายงานเลยว่าแพ้
เรามี “เครื่องไซโคลตรอน”...ผลิตสารรังสีได้เอง ครบวงจรสืบเนื่องจากสารพวกนี้มีคลื่นชีวิตสั้นสองชั่วโมงก็ลดระดับลงไปครึ่ง หนึ่ง...ตัวที่ยาวที่สุด ถ้าไม่มีเครื่องไซโคลตรอนก็ต้องสั่งสารรังสีจากที่อื่น ก็จะเกิดปัญหาในเรื่องของการขนส่งที่ต้องใช้เวลา ปัจจุบันจึงมีความพยายามทำให้ครบวงจร
“เครื่องไซโคลตรอนทำให้เรา สามารถผลิตยามาฉีดคนไข้ แล้วก็ตรวจในที่เดียว ถัดมาก็คือสามารถผลิตสารได้หลากหลาย ดูเมตาบอลิสม์ต่างๆของเซลล์มะเร็งได้มากมาย ทำให้เป็นประโยชน์ในเรื่องของงานวิจัย เป็นความก้าวหน้าต่อไปในอนาคต”
หาก จะถามว่าในอนาคตจะพัฒนาก้าวหน้าไปในรูปแบบไหน นอกจากงานวิจัยก็จะเปิดให้บริการคนไข้แล้ว เราสามารถตรวจมะเร็งได้หลากหลาย เช่น มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่ไม่ดูดน้ำตาล เราไม่สามารถที่จะดูเรื่องน้ำตาลเมตาบอลิสม์ได้ เราก็ต้องไปหาสารที่ดูด เช่นโคลีน เพื่อที่จะตรวจได้อย่างครอบคลุม กว้างขึ้น
Cr.ไทยรัฐ