พัฒนาการของรถยนต์หาใช่ขับเคลื่อนเร็วออกตัวไวเพียงอย่างเดียวหรือมี อุปกรณ์ทันสมัยมากมายในรถไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง GPS แต่การพัฒนาระบบเครื่องยนต์ที่ไม่ต้องง้อน้ำมันถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ ช่วยลดปัญหามลพิษแถมช่วยให้โลกไม่ร้อนเร็วเกินควร แต่อุปสรรคสำคัญของรถยนต์ที่วิ่งด้วยระบบไฟฟ้าคือระยะเวลาในการวิ่งที่จำกัด สั้นกว่ากางวิ่งด้วยน้ำมัน จึงทำให้ผู้ขับขี่ต้องแวะหา ที่ชาร์ตแบตสํารองกลางทางเพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งต่อได้อีกครั้ง แต่ถ้าเป็นไปได้เราจะได้เห็นมี ที่ชาร์ตแบตสํารอง บนถนนไฮเวยกันบ้าง
ความ ลำบากผู้ขับขี่ต้องแวะเสียบปลั๊กกลางทางเพื่อให้รถยนต์สามารถวิ่งต่อได้นี้ กำลังจะหมดไป เพราะนโยบายจากกระทรวงคมนาคมของประเทศอังกฤษ กำลังทดสอบเทคโนโลยีการชาร์จพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สายผ่านพื้นถนนไฮเวย์ (Dynamic Wireless Power Transfer) โดยที่เราไม่ต้องลงจากรถเสียบปลั๊ก แนวคิดชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนนี้ต้องการกระตุ้นให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนได้ในระยะทางที่ไกลกว่า เดิม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แอนดริวโจนส์ได้กล่าวว่า “มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่เราสามารถพัฒนาระบบการชาร์ทไฟในขณะที่รถขับ เคลื่อนบนท้องถนน รัฐบาลตัดสินใจทุ่มงบประมาณกว่า 500 ล้านปอนด์ในช่วงระยะเวลา 5 ปีเพื่อให้ประเทศอังกฤษอยู่ในแถวหน้าของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีชาร์จไฟรถ ยนตร์ไร้สายบนถนน ผลลัพธ์ของมันนอกจากจะช่วยสร้างงานแล้วยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้ดียิ่งขึ้นด้วย”
การทดสอบชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนอย่างเป็นทาง การจะเริ่มต้นภายในปีนี้ กินระยะเวลาประมาณ 18 เดือน โดยทีมงานจะติดตั้งเทคโนโลยีการชาร์จไฟระบบไร้สายบนรถยนต์และพื้นถนน ถ้าการทอสอบประสบความสำเร็จ ทางภาครัฐก็พร้อมที่จะติดตั้งระบบการชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนนี้บนถนน ไฮเวย์
นอกจากนี้ยังมีการวางแผนติดตั้งจุดชาร์ทไฟแบบเสียบปลั๊กใน ทุกๆ 20 ไมล์บนมอเตอร์เวย์ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาเลือกใช้รถยนต์จากพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น อีกหนึ่งแนวคิดรักษ์โลก ที่ช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานจากน้ำมันอย่างเป็นระบบ โดยภาครัฐมอบความสะดวกสบายเพื่อสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถยนต์จากพลังงานไฟฟ้า มากขึ้นและพร้อมลงทุนชาร์จไฟรถยนตร์ไร้สายบนถนนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
Cr.กรุงเทพธุรกิจ