ทุกวันนี้ประชาชนคนไทยไปไหนมาไหนต้องพก
บัตรประจำตัวประชาชนติดกระเป๋าเพราะไม่ว่าจะติดต่อกับใครทั้งทางราชการและ
เอกชน
สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่ต้องขอดูคือบัตรประจำตัวประชาชนรวมไปถึงหากต้องมีบัตร
อื่นประกอบด้วย เช่น ไปโรงพยาบาลต้องมีบัตรของโรงพยาบาลและบัตรอื่น ถ้ามี
เช่น บัตรประกันสังคม เป็นต้น แต่อนาคตอันใกล้รัฐบาลจะมี โครงการ National
e-payment บัตรเดียวใช้ได้ทั่วไทย
โครงการ National e-payment มีแนวคิดที่จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนเงินสด นับเป็นประโยชน์ในยุคที่ระบบอินเตอร์เน็ตอย่างยิ่ง เพราะข้อมูลส่วนตัวของแต่ละคนบันทึกไว้ในบัตรประจำตัวประชาชนเรียบร้อยแล้ว นับแต่ข้อมูลเบื้องต้นที่แสดงไว้หน้าบัตรคือเลขบัตรประจำตัวประชาชน13 หลัก เพศ ชื่อตัว ชื่อสกุล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ วันเดือนปีเกิด ศาสนา ที่อยู่ วันออกบัตร วันบัตรหมดอายุ ภาพถ่ายมีกำหนดส่วนสูงหลังภาพ มีหมายเลข "ซิมการ์ด" และรหัส "บาร์โค้ด" ริมบัตร ใช้การอ่านและตรวจสอบข้อมูลบุคคลด้วยเครื่องอ่านบัตรและเครื่องอ่านบาร์โค้ด
ขณะ ที่ระบบอินเตอร์เน็ตในเครื่องคอมพิวเตอร์บรรจุข้อมูลแทบว่าทุกประเภทไว้หมด แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน บัตรข้าราชการ หรือกรณีหนังสือเดินทาง เพียงสอดด้านหน้าของหนังสือเดินทางเข้าไปในเครื่องตรงหน้าพนักงานหรือเจ้า หน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ข้อมูลของบุคคลนั้นจะปรากฏบนจอ หรือแม้แต่ใช้กับเครื่อง "ผ่านเร็ว" ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจ เครื่องจะตรวจสอบข้อมูลอัตโนมัติ
วันก่อนนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโมเดลของโครงการ National e-payment หรือการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ซึ่งเป็นโครงการแรกซึ่งจะเริ่มด้วยบัตรอะไรก็ได้ที่เป็นสมาร์ทการ์ด เช่น บัตรประจำตัวประชาชน บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต หรือโทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน แล้วรูดบัตรผ่านเครื่องรูดบัตร เพื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ราคา 20 บาทขึ้นไปได้ ต้องเข้าร่วมโครงการที่ว่า
โครงการ National e-payment นี้จะเป็นการจัดทำข้อมูลของคนไทยทั่วประเทศให้ออกมาเป็นแต่ละบุคคลเพื่อให้ คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้บริการทางการเงินหรือเพื่อจับจ่ายใช้สอยโดย ไม่จำเป็นต้องใช้สมุดบัญชีหรือชำระด้วยเงินสดอีกต่อไป
นายสมชัย บอกว่าเมื่อโครงการ National e-paymentแรกสำเร็จจะทำให้คนไทยลดการใช้เงินสดเพราะสามารถใช้บัตรใบเดียวรูด ซื้อสินค้าผ่านเครื่องรูดบัตรในราคาตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไปได้ โดยทุกร้านค้าต้องมีเครื่อง Electronic Data Capture (EDC) ซึ่งขณะนี้ผู้ให้บริการการเงินผ่านบัตรมีระบบเป็นของตัวเอง แต่ในอนาคตจะต้องเชื่อมถึงกันหมด
Cr.ประชาชาติธุรกิจ
โครงการ National e-payment มีแนวคิดที่จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนเงินสด นับเป็นประโยชน์ในยุคที่ระบบอินเตอร์เน็ตอย่างยิ่ง เพราะข้อมูลส่วนตัวของแต่ละคนบันทึกไว้ในบัตรประจำตัวประชาชนเรียบร้อยแล้ว นับแต่ข้อมูลเบื้องต้นที่แสดงไว้หน้าบัตรคือเลขบัตรประจำตัวประชาชน13 หลัก เพศ ชื่อตัว ชื่อสกุล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ วันเดือนปีเกิด ศาสนา ที่อยู่ วันออกบัตร วันบัตรหมดอายุ ภาพถ่ายมีกำหนดส่วนสูงหลังภาพ มีหมายเลข "ซิมการ์ด" และรหัส "บาร์โค้ด" ริมบัตร ใช้การอ่านและตรวจสอบข้อมูลบุคคลด้วยเครื่องอ่านบัตรและเครื่องอ่านบาร์โค้ด
ขณะ ที่ระบบอินเตอร์เน็ตในเครื่องคอมพิวเตอร์บรรจุข้อมูลแทบว่าทุกประเภทไว้หมด แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน บัตรข้าราชการ หรือกรณีหนังสือเดินทาง เพียงสอดด้านหน้าของหนังสือเดินทางเข้าไปในเครื่องตรงหน้าพนักงานหรือเจ้า หน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ข้อมูลของบุคคลนั้นจะปรากฏบนจอ หรือแม้แต่ใช้กับเครื่อง "ผ่านเร็ว" ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจ เครื่องจะตรวจสอบข้อมูลอัตโนมัติ
วันก่อนนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงโมเดลของโครงการ National e-payment หรือการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ซึ่งเป็นโครงการแรกซึ่งจะเริ่มด้วยบัตรอะไรก็ได้ที่เป็นสมาร์ทการ์ด เช่น บัตรประจำตัวประชาชน บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต หรือโทรศัพท์มือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน แล้วรูดบัตรผ่านเครื่องรูดบัตร เพื่อซื้อสินค้าตั้งแต่ราคา 20 บาทขึ้นไปได้ ต้องเข้าร่วมโครงการที่ว่า
โครงการ National e-payment นี้จะเป็นการจัดทำข้อมูลของคนไทยทั่วประเทศให้ออกมาเป็นแต่ละบุคคลเพื่อให้ คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการใช้บริการทางการเงินหรือเพื่อจับจ่ายใช้สอยโดย ไม่จำเป็นต้องใช้สมุดบัญชีหรือชำระด้วยเงินสดอีกต่อไป
นายสมชัย บอกว่าเมื่อโครงการ National e-paymentแรกสำเร็จจะทำให้คนไทยลดการใช้เงินสดเพราะสามารถใช้บัตรใบเดียวรูด ซื้อสินค้าผ่านเครื่องรูดบัตรในราคาตั้งแต่ 20 บาทขึ้นไปได้ โดยทุกร้านค้าต้องมีเครื่อง Electronic Data Capture (EDC) ซึ่งขณะนี้ผู้ให้บริการการเงินผ่านบัตรมีระบบเป็นของตัวเอง แต่ในอนาคตจะต้องเชื่อมถึงกันหมด
Cr.ประชาชาติธุรกิจ