นิค ยูโฟร์ เลือดโชกตั๊นหน้าคู่กรณี |
“นิค ยูโฟร์” เผยนาทีโดนรุมกระทืบ 4 ต่อ 1 จนหน้าแหกพังยับเลือดโชกตอนตี 3 ยอมรับตั๊นหน้าคู่กรณีก่อน บอกเขม่นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวดิสเครดิตร้าน เผยเพิ่งลาออกจากตำแหน่งการตลาด รับไม่ได้โกงค่าคอมมิชชั่นลูกน้อง แขวะใช้เงินลงทุนเปิดร้าน 20 ล้าน แต่ไม่มีปัญญาจ่ายค่าคอมมิชชั่นลูกน้องแค่ 700 บาท ฮึ่ม!! แจ้งความแน่
โพสต์ภาพใบหน้า“นิค ยูโฟร์”บวมปูดเลือดอาบคล้ายถูกทำร้ายเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ทำเอาแฟนคลับพากันตกใจอยู่ไม่น้อย สำหรับอดีตบอยแบนด์ “นิค ยูโฟร์” นิคณภัทร อัศวะชานนท์ พร้อมแคปชั่น “นี่คือสิ่งที่กูปกป้องผลประโยชน์ให้คนของกูในสิ่งที่มึงโกง....แต่สิ่งที่พวกมึงทำกับกุ คือทำแบบนี้ มึงจำภาพนี้ของกุไว้ดี ๆ นะ Rebbeat Rabbeat เกษตร-นวมินทร์ กูทำงานให้ใจมึงแค่ไหน !!!!”
ล่าสุดผู้สื่อข่าวบันเทิงได้ต่อสายตรงขอสัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งนี้อดีตนักร้องบอยแบนด์“นิค ยูโฟร์”เผยว่าตนมีเรื่องเขม่นกับเจ้าของร้าน Rebbeat และลาออกจากตำแหน่งการตลาดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยอมรับว่าพลั้งมือต่อยหน้าคู่กรณีก่อน แต่เชื่อว่าอีกฝ่ายตั้งใจยกพวกมารุมกระทืบตนอยู่แล้ว
“ตอนนี้ผมกำลังจะเดินทางเข้าไปตรวจร่างกายและเดินทางไปแจ้งความต่อที่ สน.โคกคราม โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ร้าน Rebbeat “นิค ยูโฟร์”ก็เข้าเที่ยวธรรมดา ก็มีผู้จัดการร้านเชิญผมออกมา และออกมาหน้าร้านก็เจอคนประมาณ 4 - 5 คน ยืนรออยู่หน้าร้าน ซึ่งก็เป็นคนของร้าน ย้อนกลับไปผมเคยทำการตลาดให้กับร้านนี้ และผมก็ออกไป เนื่องจากทางร้านได้มีการเบี้ยวไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นเด็กในทีมงานของผม ซึ่งผมก็ไม่พอใจที่ว่าทำไมไม่จ่ายเงินให้น้อง ๆ ผม และจะให้ผมมายืนรับเงินเดือนคนเดียวเหรอ”
“และพอผมออกมาก็มีเป็นตามธรรมชาติลูกค้าเข้าร้านน้อยลง และที่ไปเที่ยวเมื่อคืน ก็เพราะว่าที่ร้านมีคอนเสิร์ตและก็มีน้อง ๆ ซึ่งเขาก็ไปก่อนเราแล้ว และพอเขาเจอเราหมายถึงคนที่มีเรื่องกับผมนี่แหละ เขาก็บอกว่าเราจะทำลายร้าน ดิสเครดิสร้าน ซึ่งถ้าผมจะทำลายจริง ๆ ผมทำตั้งแต่วันที่เขาไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับน้อง ๆ ผมแล้วมั้ย แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเขากลับไป”
ซึ่งเมื่อคืน“นิค ยูโฟร์”ก็ไปเที่ยวปกติ ก็มีตั้ม ดาจิม มีอ๊อฟ วงดีเซมเบอร์ เพราะทั้ง 2 คนเป็นการตลาดของผม พวกเราก็เข้าไปเที่ยวปกติเหมือนลูกค้าทั่วไป ซึ่งถ้าเราคิดอะไรไม่ดี เราคงไม่เข้าไปเที่ยวหรอกมั้งครับ แต่กลับกลายเป็นว่าทางร้านมาเจ้าคิดเจ้าแค้น เอาคนมากระทืบ เพราะว่าผมเข้าไปถึงที่ร้านประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ และโดนกระทืบตอนตี 3 กว่า
ระหว่างที่อยู่ในร้านก็กินดื่มปกติ ยังเจอลูกค้าที่คุ้นเคย ชนแก้วปกติ ไม่ได้แสดงอาการที่จะไปชิงลูกค้าของทางร้านเขาเลย เพราะ“นิค ยูโฟร์”เพิ่งออกมาวันที่ 5 พย. ที่ผ่านมาและก็ยังไม่ได้ทำที่ไหน แค่เพียงคุย ๆ ยังไม่ได้ตกลงว่าจะทำที่ไหน ส่วนที่ผมเช็กอินที่ร้านแถวรัชดา ก็คือเขาเรียกผมเข้าไปคุย เขาอยากให้ทีมเราเข้าไปทำการตลาดให้ แต่ร้านเขายังปิดอยู่ยังไม่ได้เปิด เพราะเขาเห็นว่าเราจากที่ Rebbeat แล้วไง
และในช่วงเวลาที่อยู่ในร้าน“นิค ยูโฟร์”ก็สังเกตไปว่าก็มีโต๊ะของญาติเจ้าของร้าน ที่เป็นทอมและกลุ่มผู้ชายเขามองมาที่โต๊ะ และทำหน้าแบบไม่พอใจ ผมก็ยังงง ๆ ว่ามองทำไมกัน ซึ่งกลุ่มผู้ชายกลุ่มนี้แหละที่รออยู่หน้าร้านเพื่อจะกระทืบผม หลังจากนั้นพอตี 3 ผู้จัดการก็เชิญเราเข้าไปคุยในห้องคาราโอเกะ ซึ่งเราก็รู้จักกับผู้จัดการร้านคนนี้มาก่อน เพราะเราเคยทำงานด้วยกันและก็เคยมีประเด็นกันอยู่แล้วด้วย
เขาก็พูดว่าเขารู้นะว่าเรา“นิค ยูโฟร์” คุยในไลน์กลุ่มกับน้อง ๆ ที่ทำการตลาดกันยังไง ผมก็เลยตอบกลับไปว่าเฮ้ย...บอย (ผู้จัดการร้าน) เรื่องที่ผมคุยในกลุ่มไลน์มันคือเรื่องจริง และเรื่องที่คุยคือเรื่องที่ผมรับไม่ได้ว่าทำไมไม่จ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับน้อง ๆ เพราะน้องบางคนกับเงินแค่ 600 - 700 บาทมันมีค่ากับพวกเขามากแค่ไหน และคุณทำร้านมูลค่ากว่า 20 กว่าล้านบาท คุณจะมาโกงเงินจำนวนอันน้อยนิดแค่นี้ทำไมล่ะ พอถามว่าทำไมไม่จ่ายก็โยนกันไป โยนกันมา”
และก็มีคนแคปหน้าจอที่คุยกันในไลน์กลุ่มตลาดไปให้เจ้าของร้านดู บอยก็เลยบอกว่าเจ้าของร้านเห็นแล้วไม่พอใจ บอกว่า“นิค ยูโฟร์”จะทำลายร้านใช่ไหม เพราะอย่างที่ผมบอก ถ้าผมจะทำลายร้าน ผมทำตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะมาขึ้นเมื่อคืนหรอก เพราะพอผมออกมาแล้ว ก็ยังมีคนโทร.มาจองกับผม ผมก็เลยยังฝากให้รีเซฟชั่นจองโต๊ะให้เลย เพราะถ้าเจตนาไม่ดี และผมจะจัดการจองโต๊ะให้เขามั้ยล่ะ ผมบอกลูกค้าคนนี้ไปเลยดีกว่ามั้ยว่าผมไม่ได้ทำแล้ว ไม่ต้องเข้าไปหรอก พูดอย่างนี้ไม่ดีกว่าเหรอ ซึ่งตั้งแต่ลาออกจากร้านไป ผมก็ไม่ได้โปรโมตอะไร แต่ถ้าใครจะเข้าไป ผมก็แนะนำว่าให้ไปติดต่อคนนี้นะ”
หลังจากคุยจบตรงห้องคาราโอเกะแล้ว “นิค ยูโฟร์”จะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ผมกับบอยนี่มีประเด็นเขม่นกันอยู่แล้ว มันบอกว่าให้ผมกลับไปได้แล้ว ผมก็ไม่ยอม ไม่พอใจว่าทำไมต้องไล่กันขนาดนี้ “นิค ยูโฟร์”ก็เลยชกมันไปทีหนึ่ง ซึ่งอันนี้ผมยอมรับว่าผมต่อยบอยก่อน ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับร้านเลยเป็นประเด็นส่วนตัวกันมากกว่า พอต่อยเสร็จการ์ดก็ลากไปนอกร้าน ก็เลยเจอกลุ่มผู้ชาย 4 - 5 คนที่เห็นว่ายืนอยู่ตรงโต๊ะของญาติเจ้าของร้านที่เขม่นเราก่อนหน้านี้รออยู่ ซึ่งผมว่าถ้าไม่มีประเด็นว่าชกหน้าบอยก่อนหน้านี้ “นิค ยูโฟร์”มั่นใจว่ากลุ่มผู้ชายเหล่านี้ก็รออยู่หน้าร้าน คือเขาเตรียมตัวรอเพื่อจะเจอผมอยู่แล้ว เพราะผมว่าพวกเขากะจะเล่นผมอยู่แล้ว และจริง ๆ แล้วการ์ดของร้านกับเราไม่มีอะไรกัน รู้จักกันมาตั้งแต่ทำงานที่ร้านนี้แล้ว ซึ่งก็เป็นมิตรกับทุกคน แต่กลุ่มผู้ชายที่รออยู่หน้าร้านไม่ใช่การ์ดของร้าน แต่เป็นกลุ่มของญาติเจ้าของร้านที่เตรียมมา
ตอนที่“นิค ยูโฟร์”ชกบอย มันก็พูดว่ามาตัว ๆ กันที่หน้าร้านเลยไหม ผมก็บอกว่าได้เลย ผมก็เลยบอกว่ามันเรื่องส่วนตัวของผมกับบอย คนอื่นอย่ายุ่ง และพอมาเจอกลุ่มผู้ชายที่รออยู่หน้าร้าน ก็เลยเดินเขามาล็อกแขนผม และก็รุมกระทืบกันหน้าร้าน ส่วนที่มีน้องคนหนึ่งบอกว่าการ์ดไม่ช่วยเลย ผมจะบอกว่าการ์ดไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยครับ เพราะคนที่มากระทืบคือญาติเจ้าของร้าน ซึ่งมันเกิดเรื่องนอกร้าน และเขาก็ไมได้ห้าม แต่ก็ไม่ได้ช่วย”
ส่วนเพื่อนที่มากับ“นิค ยูโฟร์” รู้ตอนที่ผมโดนกระทืบเรียบร้อยแล้ว และตอนนั้นก็มีน้องที่รู้จักกัน มันมานั่งสูบบุหรี่ที่หน้าร้าน มันก็เข้ามาช่วย ซึ่งน้องคนที่เข้ามาช่วยก็โดนหางเลขไปด้วย และพอโดนเสร็จผมก็ดินไปที่รถ การ์ดก็เอากุญแจรถของผมไป ขับรถมาส่งผมข้างนอก โดยไม่ให้เราขับรถออกมาเอง ซึ่งผมก็งงว่าทำไมไม่ให้ผมขับออกมาเอง พอน้อง ๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกัน ถามว่าเราเป็นอะไรบ้าง ผมก็บอกว่ากลับก่อนแล้วกัน”
ตอนนี้“นิค ยูโฟร์”กำลังคุยกับผู้ใหญ่อยู่ว่าจะเอายังไง แต่ตอนนี้ก็เตรียมจะไปตรวจร่างกายและเตรียมไปแจ้งความ เพราะตอนโทร.มาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังเตรียมไปแจ้งความ แต่อยู่ดี ๆ เลือดก็ไหลออกมาจากจมูก เพื่อนผมก็เลยบอกว่าให้ไปเช็กร่างกายก่อน และเอาใบตรวจร่างกายไปลงบันทึกประจำวัน แจ้งความกันไป ซึ่งผมโดนเยอะมาก
“นิค ยูโฟร์”เริ่มเข้าไปทำงานตั้งแต่ร้านเปิดประมาณเดือนก.ค. เริ่มเข้าไปตั้งแต่ร้านเปิด ผมข้าไปดูการตลาดให้ร้าน และออกมาประมาณวันที่ 5 พ.ย. รับเงินเดือนเสร็จก็ออกเลย เพราะอย่างที่บอกไปว่ารับไม่ได้กับการที่เขาไม่จ่ายเงินให้น้อง ๆ ในทีมของผม เพราะทีมการตลาดของผมมี 3 คน ซึ่งน้องอีกคนเขาก็เจอปัญหามากมาย เขาก็เลยลาออกมาหมดแล้ว
ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ออกมากับทางร้านด้วยเรื่องไม่ดี เราออกมาคุยกันรู้เรื่องแล้ว เราบริสุทธิ์ใจพอ ที่ออกเพราะทัศนคติไม่ดี ทำงานด้วยกันไม่ได้ ผมก็เลยลาออกเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้เป็นมิตร และก็ไม่ได้เป็นศัตรู แต่ในเมื่อน้อง ๆ อยากมาเที่ยว ก็มาเที่ยวได้ ไม่ใช่ว่าจะบอกน้อง ๆ ไม่ต้องมาร้านนี้อีกเลย มันไม่ใช่ไง เพราะเราทำงานกลางคืนแบบนี้ สักวันยังไงมันก็ต้องเจอกันอยู่ดี วงการนี้มันแคบ เพราะผมเข้าไปเที่ยวก็บริสุทธิ์ใจ เหมือนลูกค้าทั่วไป แต่ทางบอยหรือว่าญาติเจ้าของร้านคนนั้น เจ้าคิดเจ้าแค้นผมเอง ซึ่งผมรู้เลยว่าที่ผมถูกรุมกระทืบไฟเขียวมาจากใคร มาจากคนที่เขม่นผมตั้งแต่ทีแรกในร้านแล้ว “นิค ยูโฟร์” กล่าว
Cr.ผู้จัดการ,Synergy | Facebook ,เล่าสู่กันฟัง ,e-news