ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้า อย่าง Tesla S ยังดูเหมือนเป็นสินค้าตลาดเฉพาะกลุ่มขนาดเล็ก(Niche Market) สำหรับหมู่คนรวยและผู้หลงไหลคลั่งไคล้ในเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า มันจะกลายเป็นเรื่องปกติที่จะขับรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก และแปลกประหลาดมากหากท่านยังขับรถยนต์เข้าไปเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมัน

จากรายงาน การศึกษาล่าสุดโดยนิตยสาร Nature Climate Change ล่าสุดปีนี้ ได้ทำการศึกษารายงานระหว่างปี 2007 ถึงปี 2014 จำนวนมากกว่า 80 ฉบับเกี่ยวกับราคาของแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออนที่นิยมใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Tesla และ Nissan พบว่าลดลงถึงร้อยละ 14 ต่อปี จากเมื่อปี ค.ศ. 2007 ที่แพงกว่า 1,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ที่จะนำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก

มันจะทำให้จะเกิดการเปลี่ยน แปลงวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไปเลย(Paradigm Shift)  ทำให้ผู้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกเป็นส่วนใหญ่แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่ ราคาแพง เพราะนอกจากราคารถยนต์ที่ถูกลงเท่าราคารถยนต์ที่เติมน้ำมันปกติแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจะวิ่งได้ไกลมากกว่า 400 กิโลเมตรต่อ ที่ชาร์ตแบตสํารองไฟฟ้า หนึ่งครั้งและค่าใช้จ่ายต่อครั้งเพียง 300 บาท ประหยัดมากกว่าเติมน้ำมันต่อถัง และนี้คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันทั่วโลกดิ่งลงอย่างมากในช่วงหลายปี ที่ผ่านมา นอกจากการค้นพบแหล่งน้ำมันมหาศาลจากหินและทรายที่สามารถสกัดได้จากหินทราย น้ำมัน

ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่สำรอง รถยนต์นี้ถูกกว่า 300 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง(kWh) หรือประมาณ 10,000 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงเท่านั้นเอง และคาดว่า ราคาที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำอย่าง Tesla ที่ไม่เปิดเผยในรายงานทั่วไปจะต่ำมากกว่านี้อีก ก่อนหน้านี้ก็มีการศึกษาว่า ถ้าราคาของแบตเตอรี่สำรองรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกต่ำกว่า 150 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง(kWh) หรือคิดคร่าวๆ ว่าถ้ารถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกใช้แบตเตอรี่ 70 kWh ราคาแบตเตอรี่ก็จะตกประมาณ 350,000 บาท

เรามาดูกันว่าสาเหตุที่ราคาแบตเตอรี่สำรองต่ำลงมากทุกปี เนื่องจาก Economies of scale หรือการลดลงของต้นทุนต่อการผลิตจำนวนมาก ต่อไปนี้การผลิตแบตเตอรี่สำรองสำหรับ รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกกำลังจะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ อย่างเช่นที่ Tesla กำลังสร้างโรงงาน Gigafactory ที่มลรัฐเนวาด้า ที่จะแล้วเสร็จในอีกสองปีข้างหน้า ซึ่งจะมีกำลังผลิตแบตเตอรี่สำรองได้มากกว่า 35 พันล้านวัตต์ชั่วโมง หรือGWh ต่อปี เพียงพอสำหรับใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกมากกว่า 500,000 คันต่อปี

แล้ว ถ้าถามถึงระยะเวลาที่ใช้ในการที่ชาร์ตแบตสํารองไฟฟ้าแต่ละครั้ง ปกติถ้าชาร์จที่บ้าน จะได้ในอัตรา 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ยิ่งถ้าใช้แบบ supercharge จะใช้เวลาเพียง 30 นาที ต่อระยะทาง 270 กิโลเมตร หรือประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อที่ชาร์ตแบตสํารองไฟฟ้าจนเต็ม

นอกจากนี้ ถ้าเราทดสอบการชนรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกทั้งด้านหน้าและด้านข้าง และการพลิกคว่ำ ปรากฎว่า รถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกยังมีความปลอดภัยมากกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากแบตเตอรี่วางเป็นฐานล่างของรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถยนต์ต่ำมาก และมีกระโปรงหน้าและกระโปรงหลังที่ว่างเปล่า สามารถเก็บสัมภาระได้ กลายเป็นส่วนซับแรงกระแทกจากการชน ดังนั้น การขับรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจะไม่ใช่ความฝันหรือของเล่นของเหล่าเศรษฐีอีกต่อไป ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้

Cr.Bangkok Biznews