คดี “แพรวา” ศาลฎีกามีคำสั่งไม่รับฎีกา |
สำหรับคดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2555 ว่าจำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และทำให้ทรัพย์สินเสียหาย คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุก ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี โดยคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน พร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้องเนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่
ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 57 แก้เป็นว่า จากที่รอลงอาญา 3 ปี ให้ระยะเวลารอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลารวม 4 ปี ส่วนโทษอื่นให้คงตามศาลชั้นต้น
ต่อมาเวลา 13.00 น. ศาลฎีกาได้มีคำสั่งไม่รับฎีกาเนื่องจากไม่มีสาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิม
ภายหลัง น.ส.อิสรีย์ยา ธนะชวาลย์ ทนายความญาติผู้เสียหาย เปิดเผยว่า คดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายยื่นฎีกา โดยก่อนหน้านี้จำเลยได้ยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว แต่ศาลไม่รับฎีกา จำเลยจึงได้ยื่นคำร้องฎีกาต่อศาลฎีกาอีกครั้ง ซึ่งประเด็นที่จำเลยยื่นนั้นต่อสู้ว่าไม่มีเจตนากระทำประมาท แต่ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องฎีกาของจำเลยไม่เป็นประเด็นที่จะรับไว้พิจารณา ดังนั้น คดีอาญานี้ผลจึงถือว่าสิ้นสุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 4 ปี และห้ามขับรถจนกว่าอายุ 25 ปีบริบูรณ์ ซึ่งหลังจากนี้จะขอคัดคำสั่งของศาลฎีกา และนำไปยื่นต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ดำเนินสืบพยานต่อในคดีที่ญาติผู้เสียชีวิตได้ยื่นฟ้องบิดา-มารดาจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหาย 120 ล้านบาท ที่ก่อนหน้านี้ศาลแพ่งได้สั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เพื่อรอผลทางอาญา
ด้านนางทองพูน นางทองพูน พานทอง มารดาของ น.ส.นฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ ซึ่งเสียชีวิต กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาที่จำเลยยื่น ซึ่งทางเราก็ยอมรับตามกระบวนการของกฎหมาย ทั้งนี้ ขอบคุณสื่อที่ให้ความสนใจและไม่ลืมกัน
“เราอยากให้คดีจบโดยเร็ว วันนี้เหมือนแผลกำลังหายแล้ว แต่ก็มาเจอสะกิดอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากจำเลย และไม่เคยคุยหรือโทรศัพท์มาหา ขอให้เหลียวมองเราสักนิด ไม่ต้องมากมาย เจอหน้าคุยกันบ้าง หรือแค่บอกว่าเสียใจด้วยนะเราก็ชื่นใจแล้ว แต่เราไม่เคยได้ยินจากปากเขาเลย” นางทองพูน กล่าว
Cr.ผู้จัดการ