โตโน่เปิดใจแยกบ้านกับแตงโม |
หลังสร้างความฮือฮาให้กับวงการบันเทิง ด้วยการเข้าพิธีหมั้นแบบสายฟ้าแลบเมื่อปลายปี 2556 และใช้ชีวิตคู่อยู่กินกันแบบคู่รักวัยรุ่นมาเกือบ 2 ปี จนมีข่าวลือในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า นางเอกสาว แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ กับ โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ นักร้องหนุ่มชื่อดัง จากเวทีการประกวดเดอะสตาร์ 6 เริ่มมีปัญหาระหองระแหงหนักจนถึงขั้นเลิกรากัน เมื่อแตงโมสร้างความกังขาให้กับแฟนคลับ ด้วยการขึ้นข้อความตัดพ้อรัก ในอินสตาแกรมส่วนตัวชื่อ “Melon1stchapter” และต่อมาก็มีการปิดอินสตาแกรมดังกล่าว จนทำให้ผู้คนสงสัยและกระหายใคร่รู้ในความเป็นไปของแตงโมและโตโน่ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่ออกมาชี้แจง ยิ่งทำให้เกิดข่าวลือหนักว่าความรักของทั้งคู่ยังดีอยู่หรือไม่
จนเมื่อวันที่ 20 พ.ค. โตโน่-ภาคิน เดินทางมาร่วมงาน “น้ำใจ..สร้างกุศล” เปิดตัว “เข็มอานันทมหิดล” ประจำปี 2558 ที่ห้องอเนกประสงค์ ตึกแพทยพัฒน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมี คุณแม่น้อย-สุดลมโชย คำวิลัยศักดิ์ เดินทางมาพร้อมลูกชาย ซึ่งโตโน่ ได้ยืดอกยอมรับแบบแมนๆว่า มีปัญหาเรื่องเวลาและทัศนคติกับแตงโมจนห่างกันและตัดสินใจแยกบ้านกันอยู่มา 1 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ขอใช้คำว่า “เลิก” และถึงกับมีอาการอึกอักเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า ยังเป็นคู่รักกันหรือไม่
หลังเจอคำถามแรกที่จี้ใจและตรงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องสถานะชีวิตคู่ โตโน่ก็กล่าวเปิดใจว่าตอนนี้ต่างฝ่ายต่างทำงาน เจอกันน้อยลง ทั้งโมและตนทำงานค่อนข้างหนัก เวลาไม่ตรงกัน มีบ้างที่น้อยใจและไม่เข้าใจกัน แต่เป็นเรื่องธรรมดา สาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของเวลา ไม่เกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นกับแตงโมก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะข่าวไหนก็ตาม 2 ปีที่ผ่านมา ชัดเจนว่าไม่ได้มีผลต่อความรู้สึก ถ้าเกิดปัญหาจริงๆคงไม่ได้เกิดจากคนอื่น คงเกิดจากเรื่องเวลาและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละคน ที่ต้องทำให้เต็มที่ เราอยู่บนโลกใบนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีอีกหลายๆอย่างที่ต้องทำ มีหลายคนที่รอดูผลงานติดตามเราอยู่ ถามว่าแตงโมไม่เข้าใจเรื่องการทำงานของตนใช่หรือไม่ ก็ไม่ใช่ เรื่องนี้มีหลายอย่างเป็นองค์ประกอบ คิวละครของแตงโมก็ไม่ได้ถ่ายทำเรื่องเดียว ตนก็มีทั้งเพลง คอนเสิร์ต และละครเพชรฆาตดาวโจร ที่ต้องถ่ายทำหนักมากและใช้ความอดทนสูงกับภาวะต่างๆ มาถึงทุกวันนี้ไม่ได้มาเพราะแมวมอง แต่มาเพราะคะแนนโหวตของคนทั้งประเทศที่เลือกและรัก จึงคำนึงถึงความรู้สึกของพวกเขา
เมื่อถามถึงข่าวที่ว่า ก่อนหน้านี้นางเอกสาวรุ่นน้อง เฌอเบลล์-ลัลณ์ลลิน เตจะสาเวศซ์ ออกมาพูดว่ารู้เรื่องความสัมพันธ์ทุกอย่าง จึงถูกจับโยงว่าเป็นมือที่สาม โตโน่ ปฏิเสธทันทีว่าเป็นข่าวมั่ว ไม่เกี่ยวกัน และไม่มีทางที่จะเป็นมือที่สาม ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พยายามปรับความเข้าใจกันหรือยัง “โตโน่” ระบุว่า พยายามทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร บางครั้งอธิบายไปก็ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจกันหมด ถามว่า ณ ตอนนี้ใช้คำว่าเลิกได้หรือยัง โตโน่ตอบชัดว่า “ไม่ครับ” ส่วนเมื่อถามว่ายังเรียกว่าเป็นคู่รักกันได้หรือเปล่า โตโน่ หยุดคิดชั่วขณะก่อนตอบว่า ได้นะ มันไม่ใช่เรื่องของการหมดรัก มันเป็นเรื่องของความเข้าใจ ทัศนคติและการใช้ชีวิตที่ทุกคู่ต้องเจอ แต่ว่าเราจะผ่านไปในรูปแบบไหนอนาคตอาจจะมีโอกาสกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่ อันนี้ไม่ทราบ ถามว่าอยากกลับมาเหมือนเดิมไหม ถ้าทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมแล้วโมมีความสุข ผมมีความสุข เราเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น คิดว่าไม่มีปัญหาที่จะกลับไปคบกัน
พระเอกหนุ่มกล่าวอีกว่า แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายทำเต็มที่ทั้งเรื่องการงานและความรัก แต่มันยังปรับกันไม่ได้ คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่วันสองวันจะมาพูดได้ ไม่อยากให้มีใครมาเกี่ยวข้อง ข่าวลือต่างๆมันไม่แฟร์ เป็นห่วงความรู้สึกโม เวลามีข่าวมือที่สามมันแย่ เพราะว่ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย ทุกอย่างมันก็มีปัญหากันหมด มันเป็นชีวิตคู่ ถ้าคนจะอยู่ไปจนแก่เฒ่า โดยเฉพาะคู่ของตนต้องมีความเข้าใจเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องลักษณะนิสัย ความฝัน ทัศนคติ จุดยืนของตนและของโม จะไปถึงจุดๆ นั้นได้ต้องอดทน อย่างที่บอกเป็นแฟนตนต้องอดทน
ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าโตโน่ย้ายของออกจากบ้านที่อยู่กับแตงโม โตโน่กล่าวยอมรับว่าตอนนี้ คุณแม่มาจากขอนแก่นอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงมาอยู่กับคุณแม่ที่คอนโดฯ คุณแม่เป็นกำลังใจที่ดีที่สุด ส่วนที่ว่าเมื่อคุณแม่กลับบ้าน จะย้ายกลับไปอยู่กับแตงโมเหมือนเดิมหรือไม่ ตอนนี้คุณแม่อยู่ยาว และนานมากแล้วที่คุณแม่ไม่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ จึงรู้สึกอบอุ่นมากเพราะแม่ได้มาเห็นเราทำงาน คุณแม่ไม่มีใคร เป็นสิ่งที่ควรจะเป็นตั้งนานแล้ว ไม่ว่าตนจะมีแฟนหรือไม่มีแฟน มีครอบครัวหรือไม่มี สิ่งที่จะทิ้งไม่ได้เลยคือคุณแม่ อย่างคุณพ่อของแตงโมก็จะอยู่กับเราตลอดที่ผ่านมา ฉะนั้นคุณแม่ก็ควรมาอยู่กับเรา ถามว่าแยกกันอยู่นานหรือยัง ถ้าช่วงเริ่มมีปัญหาเรื่องเวลาก็ประมาณ 3 เดือน แต่ที่ห่างกันก็ไม่ถึงเดือน มีการคุยกันเรื่อยๆที่จะปรับความเข้าใจ กว่าจะรักกันได้ กว่าจะฝ่าฟันอะไรหลายๆอย่างมาด้วยกัน ตนว่ามันมีค่า ถ้าเกิดปัญหาอะไรก็ตาม โมกับตนไม่ควรใช้อารมณ์ตัดสินเพียงอย่างเดียว บางทีต้องใช้เวลาใคร่ครวญดูดีๆทั้งสองฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้ทั้งคู่ยังรักกันอยู่เหมือนเดิมหรือไม่ โตโน่เผยว่า อย่างที่บอกไปตั้งแต่วันแรก บางทีความรักไม่ได้เป็นเรื่องของความรู้สึก ความรักเป็นเรื่องของความตั้งใจ ถ้าความรู้สึกมันมีเรื่องความโกรธเกลียดซึ่งมันลดลงเพิ่มขึ้นได้ “ถ้าวันข้างหน้าตนและโมต้องเลิกกัน ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้รักกัน ตนคิดว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับหัวใจและความรู้สึกของคนสองคนด้วย” โตโน่กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่แตงโมโพสต์ไอจีเหมือนปิดประตูความสัมพันธ์ไปแล้วเกี่ยวข้องหรือไม่ โตโน่ เผยว่า เรื่องไอจีไม่ทราบ จุดประสงค์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คงไปตอบแทนในส่วนของไอจีไม่ได้ ทุกวันนี้เรารักกันเราก็บอกว่าเรารัก ถ้ามันมีปัญหาขึ้นมาเป็นข่าว เราก็ต้องออกมาพูด ถามว่าเราเป็นคนธรรมดา เรามีความรู้สึกอยากจะให้ทุกคนเข้าใจเรา หรือจะต้องออกมาพูดนั้น มันไม่ใช่ตัวตน เข้าใจว่าอยู่จุดๆนี้ก็ต้องออกมาพูด ทุกๆครั้งที่ออกมาพูด ต้องคิดถึงใจเขาใจเรา อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์โตโน่ ได้ขอบคุณสื่อมวลชนว่าและพูดทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วงว่า ถ้าพี่ๆสื่อเจอแตงโม ขอให้รักแตงโมด้วยนะครับ
ทั้งนี้ เรื่องราว “เลิฟสตอรี่” ของโตโน่-แตงโม เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นเรื่องที่ถูกจับจ้องในสังคมวงกว้าง เริ่มจากความรักก่อตัวอย่างรวดเร็วในช่วงกลางปี 2556 หลังคบหากันแค่ 6 เดือน ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ต่อมาก็สร้างความฮือฮาในวันที่ 11 ธ.ค. 2556 เมื่อมีภาพหลุดเล็ดลอดผ่านอินสตาแกรมเป็นภาพงานหมั้นเงียบแบบสายฟ้าแลบของแตงโม-โตโน่ ที่ถูกจัดขึ้นใน บรรยากาศเก๋ไก๋ สุดคลาสสิก แต่เรียบง่าย ที่เบเนดิกต์ สตูดิโอ ย่านถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา โดยในงานมีเพียงญาติและเพื่อนสนิทเพียง 50 คนร่วมเป็นสักขีพยาน ท่ามกลางคำมั่นสัญญาอันสุดหวานที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน
โดยโตโน่ ที่ในนาทีนั้น กำลังอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์รักสุดหวาน ได้ลั่นประโยคสำคัญกับแตงโมและ ถือเป็นประโยคกินใจผู้คนที่อยู่ร่วมในพิธีหมั้นว่า “ภาคินจะรักภัทรธิดาที่สุดในชีวิต ภาคินจะรักภัทรธิดาคนเดียว ภาคินจะรักภัทรธิดาตลอดไป” ขณะที่แตงโมกล่าวว่า “หนูมีความสุขมาก พี่ทำให้หนูรู้สึกมีค่า หนูจะดื้อหรือแย่แค่ไหน กลับกลายเป็นพี่เอ็นดูหนูและยิ้มให้หนูทุกครั้ง พี่ต้องอยู่กับหนูไปตลอดชีวิตแล้ว” ซึ่งถ้อยคำเป็นที่ซาบซึ้งตรึงใจและทั้งคู่ก็ประคองรักใช้ชีวิตผ่านทั้งทุกข์และสุขร่วมกัน มาเป็นระยะเวลาประมาณ 525 วัน หรือปีกว่า ก่อนที่โตโน่จะออกมาประกาศว่าได้แยกบ้านและความสัมพันธ์ได้ห่างเหินเดินกันคนละทางกันแล้วในวันนี้
Cr.ไทยรัฐ