การสื่อสารโดยใช้สเปกตรัมของแสงก็ยังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เนื่องจากมีความน่าสนใจมีอะไรหลายๆ อย่างเอื้อมากกว่าหากเราทำสำเร็จ ล่าสุดทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Oxford, Cambridge, Edinburgh, St Andrews และ Strathclyde ได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีที่อาจจะมาแทน ไวไฟ (Wi-Fi) ได้
ในอนาคตโดยใช้ชื่อว่า Li-Fi (Light Fidelity) เป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว และได้ออกมาประกาศว่าสามารถทำความเร็วในการส่งถ่ายข้อมูลได้มากกว่าเน็ตไวไฟ (Wi-Fi) Ultra High Speed ที่เรารู้จักกันถึง 250 เท่า
ความเร็ว ที่ทีมวิจัยทำได้ในขณะนี้สามารถทำได้สูงสุดถึง 10.5 Gb/s นับว่าสูงมากทีเดียวสำหรับการสื่อสารแบบไม่ใช้สาย โดยเทคโนโลยีตัวนี้จะใช้ หลอด LED ที่ทำการคิดค้นขึ้นมาพิเศษและมีขนาดเล็กมากจนทำให้สามารถต่อขนานเพื่อทำการส่งข้อมูลให้กับตัวรับได้หลายๆ ตัวพร้อมกัน
Harald Haas หนึ่งในผู้นำทีมนักวิจัยกล่าวว่าหากมองมันก็คล้ายๆ กับฝักบัวอาบน้ำที่เปิดก๊อกแล้วมีน้ำออกมาเป็นสายๆ นั่นคือสิ่งที่ทีมนักวิจัยกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารที่ใช้ไม่ใช้คลื่นวิทยุแต่เป็นแสงแทน แล้วแสงที่ว่านี้ก็มาจาก หลอด LED ราคาแสนถูกและดีในบ้านเรา
ตัว หลอดไฟ LED ที่ใช้นั้นก็จะมีคลื่นแสงที่แตกต่างกันออกไปทำให้สามารถแยกช่องสัญญาณออกจาก กันได้โดยความเร็วที่กล่าวว่าทะลุ 10 Gb นี่ก็ได้จากการทดสอบจากสีหลักๆ สามสีนั่นคือ RGB (สีแดง เขียว และน้ำเงิน) โดยทำความเร็วได้ช่องละ 3.5 Gb/s
หากเทคโนโลยีตัวนี้สามารถพัฒนาจนสามารถใช้งานได้สำเร็จจริงๆ เราอาจจะได้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในแทบทุกสถานที่ที่มีแสงสว่างไม่ว่าจะมากหรือ น้อยก็ตาม ทำให้เครือข่ายของเราอาจจะปลอดภัยมากขึ้นเพราะการรับสัญญาณนั้นต้องใช้แสง นั่นเอง (แน่นอนว่าไม่สามารถทะลุกำแพงได้เหมือนสัญญาณวิทยุ ) ก็ถือว่าเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่โตมาก
Cr.Tech Blog