งาน Computex Taipei 2015 ณ กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน ยักษ์ใหญ่แห่งโลกไอทีอย่าง intel ไม่พลาดที่จะเสิร์ฟนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ในรูปแบบใหม่ โดยในปีนี้อินเทล (intel) มาในแนวคิด "ไลฟ์สไตล์แบบใหม่ การใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด" (Smart Living - the New Lifestyle) พร้อมโซลูชั่น Internet of Things (IoT) ที่กำลังจะเปลี่ยนวิถีชีวิตในอนาคตของนุษย์ให้สอดประสานไปกับเทคโนโลยี IoT อย่างผสานลงตัว สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ไอทีมากมาย เช่น เครื่องสแกนแบบพกพา  ที่ชาร์ตแบตเตอร์รีมือถือ  หรือ จักรยานรักษ์โลก เป็นต้น

เมื่อทุกสิ่งที่คุณหยิบจับในชีวิตประจำวันกลายเป็นการเชื่อมต่อกับ อินเทอร์เน็ต ซึ่งทำให้คุณสามารถสั่งการ หรือควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ รอบตัวเช่นใช้ เครื่องสแกน ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการสั่งเปิด-ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ดูแลประสิทธิภาพของอุปกรณ์โรงงาน ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย และไม่เว้นแม้แต่การบริหารจัดการภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ชาวบ้าน ประชาชนคนธรรมดาที่ไม่รู้ซึ้งถึงโลกไอทีนัก อาจจะนึกสงสัยว่า Internet of Things (IoT) สามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตได้บ้าง วันนี้ขอยกตัวอย่างนวัตกรรมสุดล้ำที่สามารถใช้งานได้จริง เรียงร้อยเป็นเรื่องราวเข้าใจง่ายๆ ปราศจากภาษาคอมพ์ไกลตัว โดยเริ่มจาก...

1.ชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย (Wireless Charging Battery)

สำหรับใครบางคน การพกเพาเวอร์แบงก์ (Power Bank) ขนาดใหญ่ มองหาปลั๊กสำหรับชาร์จ หรือหยิบสายชาร์จพร้อมหัวชาร์จไปทุกที่ทุกทางอาจดูเป็นเรื่องยุ่งยากไปสักหน่อย

แต่เทคโนโลยีการชาร์จแบต หรือ ที่ชาร์ตแบตสํารอง กำลังได้รับการพัฒนาให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันมากขึ้น ด้วยการพัฒนาอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายพร้อมกันนั้น intel ยังมีข้อตกลงกับบริษัท ไฮเออร์ จากประเทศจีน เพื่อติดตั้งระบบชาร์จไร้สายในร้านอาหาร โรงแรม ร้านกาแฟ และสนามบินทั่วประเทศจีน เพราะฉะนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องชาร์จๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องไม่ยุ่งยากอีกต่อไป

หากอุปกรณ์ของคุณไม่รองรับการชาร์จไร้สายนั้น คุณก็สามารถอัพมือถือของคุณให้รองรับการชาร์ตไร้สายได้ โดยหาซื้อเคสที่ออกแบบเข้ากับมือถือ และรองรับ Wireless Charging ได้ โดย Intel กำลังร่วมมือกับผู้ผลิตมือถือ ผู้ดูแลเครือข่าย และและร้านค้าต่างๆ เพื่อออกแบบอุปกรณ์ชาร์จแบตไร้สายให้ทำงานได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น

2.การประชุมเสมือนจริง 3 มิติ (Intel RealSense 3D )

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย คือ กล้อง Intel RealSense 3D ซึ่งถูกออกแบบให้มีเซ็นเซอร์ความลึกที่ดีที่สุด กล้อง full color ความละเอียดที่ 1080p โดยมีความสามารถในการจับการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ ตรวจจับใบหน้าเพื่อเข้าใจการเคลื่อนไหวและอารมณ์ และทำให้สามารถแยกแยะท่าทางต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

ฉะนั้น จะส่งผลดีอย่างเห็นได้ชัดในแง่ของการประชุมผ่านวิดีโอ ซึ่งเทคโนโลยี Intel RealSense จะทำให้การประชุมหารือในองค์กรที่เสมือนจริง โดยผู้จัดการประชุมสามารถส่งรหัสไปยังผู้ร่วมประชุม พร้อมกับกำหนดได้ว่า จะให้ใครเข้าถึงเน็ตเวิร์กขององค์กรได้ อีกทั้งยังสามารถแชร์หน้าจอออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่อยู่ในที่ต่างๆ ให้สามารถโต้ตอบกัน หรือส่งไฟล์ให้กันและกันได้อย่างสะดวกราบรื่น

3.สแกนใบหน้าแทนรหัสผ่าน (Face scanning password)

ไม่ต้องจำ Password ให้วุ่นวาย! สแกนใบหน้าเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ไอที Internet of Things (IoT) ยัง ถูกพัฒนาให้จดจำใบหน้าของเจ้าของอุปกรณ์ไอที เพียงแค่คุณสแกนใบหน้า โดยไม่ต้องจำรหัสผ่านในการเข้าถึง ก็สามารถเข้าถึงอุปกรณ์เครื่องโปรดของคุณได้ทันที ซึ่งขอบอกว่า นวัตกรรมที่ว่านี้ แม้ว่าจะมีผู้ไม่หวังดีใส่หน้ากาก หรือผู้มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเจ้าของอุปกรณ์ไอที ใครคนนั้นก็ไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างแน่นอน

4.บ้านอัจฉริยะ (Smart Home)

บ้านอัจฉริยะ สะดวก สบาย ประหยัด  เจ้าของบ้านสามารถควบคุมเครื่องใช้ต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้านก็ตาม โดยสามารถสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เปิดปิดแอร์ เปิดปิดไฟ หรือแม้แต่ปิดกาต้มน้ำร้อนก็สามารถทำได้ อีกทั้งยัง สามารถแจ้งเตือนเจ้าของบ้านเมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าเสีย หรือมีชิ้นส่วนต้องเปลี่ยน พร้อมช่วยติดต่อไปยังศูนย์บริการหลังการขาย

5.จักรยานชาญฉลาด (U bike)

U bike จักรยานชาญฉลาด รักษ์โลก!  ว่าด้วยเรื่องยานพาหนะที่คอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง อย่าง “U bike” จักรยานเช่าสาธารณะที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดจากชาวไต้หวันและนักท่อง เที่ยวที่เดินทางมากรุงไทเป โดยผู้ใช้สามารถขับขี่ซอกแซกไปตามซอกซอยต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย และถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางท่องเที่ยวทั่วกรุงไทเป พร้อมทั้งตอบโจทย์ปัญหาการขาดแคลนพลังงาน สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรให้แก่สิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสุขภาพผู้ใช้งานอีกด้วย

โดยการใช้งานก็แสนจะง่ายดาย เพียงแค่นำ EasyCard ซึ่งเป็นบัตรเงินสดอเนกประสงค์ของไต้หวันโดยเฉพาะ แตะบัตรไปที่แท่นด้านข้างจักรยาน ดึงจักรยานออกมา และเมื่อถึงเวลาจะคืนก็เข็นจักรยานเสียบเข้าไปในช่อง แล้วแตะบัตรเพื่อคำนวณหักค่าเช่าอัตโนมัติออกจากบัตร

แม้ว่าการขับเคลื่อน Internet of Things (IoT) นั้น จะให้ทั้งความสะดวกสบายง่ายดายไปเสียทุกอย่าง แต่บนประโยชน์มหาศาลก็ยังมีความเสี่ยงที่แฝงตัวอยู่ด้วย เพราะถ้าระบบรักษาความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ การติดตั้งซอฟต์แวร์เช่น อินเทล เซ็คเคียวริตี้ เพื่อรักษาความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ มิฉะนั้นเทคโนโลยีอาจนำมาสู่ภัยร้ายโดยไม่รู้ตัว....

Cr.ไทยรัฐ, Asia21st