ม.นเรศวรก้าวไกลผลิตพลังงานใช้เองแห่งแรกในเอเชีย โดยมีกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นแรงหนุนหลัก ดร.สุขฤดี สุขใจ ผู้อำนวยการ วิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยนเรศวร หรือ มน.ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงกรณีที่วิทยาลัยพลังงานทดแทน ม.นเรศวร ได้ริเริ่มดำเนินการระบบ “ไมโครกริด” ผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ เป็นแห่งแรกของเอเชียเมื่อประมาณ 2-3 ปีมาแล้ว โดยได้รับการสนับสนุนจาก “เนโดะ” ของประเทศญี่ปุ่น
แม้ว่าจะช่วยให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 120 kW แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของวิทยาลัย จึงได้ทำการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติม พร้อมกับจัดทำโครงการสถานีผลิตไฟฟ้าในหน่วยงานราชการเสนอต่อกรมพัฒนาพลังงาน ทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน และได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานมาสนับสนุน ในการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 400 kW
ดร.สุขฤดี สุขใจ ผู้อำนวยการ วิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการดำเนินโครงการสถานีผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์ แสงอาทิตย์ในหน่วยงานราชการ ซึ่งวิทยาลัยฯ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ณ ปัจจุบันการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กับระบบการเก็บและจ่ายกระแสไฟฟ้าด้วยกำลัง ไฟ 400 kW เป็นที่เรียบร้อยได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว พร้อมกับเดินระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์
โดยจ่ายกระแส ไฟฟ้าผ่านเข้าสู่ระบบ “สมาร์ท กริด” และป้อนไปใช้งานวิทยาลัยพลังงานทดแทนทั่วบริเวณ รวมทั้งป้อนเข้าสู่ระบบจ่ายไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยนเรศวรด้วย จึงส่งผลให้มีกำลังผลิตรวมแล้วกว่า 500kW พร้อมกับพัฒนาให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์เชื่อมเป็นระบบเดียว กันในชื่อ “สมาร์ท กริด” โดยมีระบบบริหารจัดการแบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ หรือ Building Energy Management (BEM)
สำหรับในแง่ของส่วน ประกอบหลักสำหรับระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ในโครงการนั้น ผศ.ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการโครงการสถานีผลิตไฟฟ้าในหน่วยงานราชการ วิทยาลัยพลังงานทดแทน ม.นเรศวร ระบุว่ามีด้วยกัน 2 แบบ แบบแรกเป็นการติดตั้งแบบกราวนด์เมาท์ (ตั้งบนพื้น) มีกำลังผลิต 350 kW อีกแบบคือติดตั้งแบบ “รูฟท็อป” (ติดตั้งบนหลังคา) มีกำลังผลิต 50 kW โดยมีระบบสะสมพลังงานจากแบตเตอรี่ที่มีความจุ 100 kW ต่อชั่วโมง
การ ออกแบบผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์เป็นระบบบริหารจัดการ พลังงานแบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (BEM) ที่ให้ประโยชน์ยิ่งกว่าระบบผลิตไฟฟ้าในอดีต ซึ่งแต่ละระบบจะทำงานในลักษณะแยกจากกัน แล้ววิทยาลัยพลังงานทดแทนจึงได้พัฒนาระบบต่างๆ ให้สามารถสื่อสารเข้ากันได้ ทั้งการผลิตไฟฟ้า และการควบคุมการใช้งานที่เราสามารถกำหนดการใช้ในแต่ละวันและแต่ละช่วงเวลา ได้
ด้วยเหตุนี้ ระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ดังกล่าวจึงมีประสิทธิภาพสูงสำหรับ การควบคุมในเรื่องความต้องการกระแสไฟฟ้าสูงสุด โดย ดร.สุขฤดี สุขใจ ได้ยกตัวอย่างการติดเซ็นเซอร์เพื่อควบคุมแสงสว่างในอาคารติดตั้งเป็นระบบไฟ อัตโนมัติ ซึ่งหากไม่มีคนอยู่ในห้องก็จะไม่มีการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังหลอดไฟและ เครื่องปรับอากาศ แต่จะจ่ายพลังงานไฟฟ้าตามปกติเฉพาะเมื่อมีคนอยู่เท่านั้น ทำให้ช่วยลดค่ากระแสไฟฟ้าได้ร้อยละ 30-40 ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่มีระบบ โคมไฟโซล่าเซลล์ ใช้แทนไฟฟ้าที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย และเป็นมหาวิทยาลัยผลิตพลังงานแสงอาทิตย์(โซล่าเซลล์)ใช้เองแห่งแรกในเอเชีย
ที่ ผ่านมามีหน่วยงานราชการ และหน่วยงานเอกชนเดินทางมาศึกษาดูงานผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ที่วิทยาลัยของเราเกือบทุกวัน ดูระบบการจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังหลอดไฟ โคมไฟโซล่าเซลล์ และเครื่องปรับอากาศ ตัวโคมไฟโซล่าเซลล์มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความสว่างโดยเมื่อคุณเดินผ่านจุดที่มี แสงสว่างน้อย โคมไฟโซล่าเซลล์จะทำการเปิดไฟอัตโนมัติช่วย ให้คุณประหยัดพลังงานได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ต้องถือว่าบรรลุเป้าหมายและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการ อนุรักษ์พลังงานทุกประการ และทีมงานเราเองก็มีความเต็มใจอย่างยิ่งสำหรับการแบ่งปันข้อมูลและเทคโนโลยี ในเรื่องนี้
Cr.ผู้จัดการ,Voice of America