4 มี.ค. 2558

ความลับทำหนัง NUVO Love Story

โดนัทเชื่อว่าคนในวัยโดนัทหรือแก่กว่าชอบ NoVo Love Story


“ลุคคะ acting คือสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมามากที่สุด เพื่อสื่อสารกับคนดู” -โดนัท มนัสนันท์

โดนัทพูดประโยคนี้กับผมหลังจากเราคุยเรื่องการกำกับหนังสักพัก จริงๆ แล้วครั้งนี้เราตั้งใจจะคุยแค่ว่า ชีวิตคนหลังกล้องในฐานะผู้กำกับเป็นอย่างไร ซึ่งเข้ากับ Secret Life ธีมประจำสัปดาห์ของเรา แต่หลังจากคุยกันได้ไม่นาน ก็กลายเป็นคุยเรื่อง “วีธีการเล่าเรื่อง” และสิ่งที่เราทั้งสองคนชอบตอนดูหนัง
“วิธีการคิดแบบนี้ โดนัทได้มาจากการเรียนละครเวทีมาใช่ไหม” ผมถาม

สิ่งที่โดนัทพูด ฟังดูเป็นเรื่องธรรมดา ราวกับว่าใครก็คิดแบบนี้ แต่ก็มีผู้กำกับอีกหลายๆ คนไม่เห็นด้วย (ผมคิดถึง Michael Bay ผู้กำกับ Transformer ที่เนื่อเรื่องน่าเบื่อเหล่านั้นขึ้นมาทันที) แต่ยอมรับว่า ผมไม่ได้คาดว่าจะได้ยินคนที่เคยเล่นละครมาอย่างโดนัทพูดอะไรแบบนี้ ทักษะการแสดงละครบางประเภทอาจจะดูสนุกแต่ไม่ได้ถือเป็นสุดยอดแห่งการแสดง ยิ่งคุยกับโดนัทมากขึ้น ผมยิ่งเข้าใจผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นคนที่รักงาน รักการเล่าเรื่อง และรักที่จะพัฒนาตัวเอง

“เราเรียนมาทางละครเวที แต่รู้สึกว่าตัวเองโคตรไม่เหมาะเลย ชอบภาพยนตร์มากกว่า เราไม่ได้โตมากับการเรียนภาพยนตร์ ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้ง แต่เราโตมากับการดูหนัง คือเราดูหนังเพื่อความบันเทิง สารคดีก็ดู แต่อันไหนหนักเกินไป ไม่เข้าใจ ก็ไม่ดู ซึ่งก็ทำให้เราเห็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีของการทำหนัง ” โดนัทเล่าถึงความผูกพันของเธอกับหนัง


โดนัทได้เดินสายทำละครทีวี
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ผมกลับคิดว่า การที่โดนัทได้เดินสายละครทีวีอาจจะข้อดี เพราะทำให้งานของเธอเข้าถึงคนง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณชอบหรือไม่ชอบละคร แต่คงไม่มีใครบอกว่าไม่เข้าใจงาน คือเนื้อเรื่องแทบจะไม่ได้เปลี่ยน เปลี่ยนแค่ยุคสมัยหรือดารา ที่เหลือก็เหมือนกัน ผมยังจำครั้งแรกที่ดูละครไทยได้ สมัยที่เป็นฝรั่งน้องใหม่ในประเทศไทย ทั้งที่ฟังภาษาไทยไม่เข้าใจเลย ผมก็ยังเข้าใจว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไรจากการการแสดงของนักแสดง
 หลังจากเรียนจบสายละครเวทีในเมืองไทย และทำงานด้านละคร โดนัทตัดสินใจไปเรียนต่อที่ New York Film Acadamy เพื่อเทคคอร์สผู้กำกับหนัง ถึงจะเป็นคอร์สสั้นๆ แค่สองเดือนแต่เนื้อหาแน่น และสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือการเรียนในช่วงเวลาที่พร้อมเต็มที่ หลายคนที่ตัดสินใจกลับมาเรียนต่ออีกครั้งตอนเป็นผู้ใหญ่ คงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี

    “I don’t want to be cool, I just want to learn how to make movies.”
    “ฉันไม่ได้อยากจะเท่ ฉันแค่อยากเรียนรู้วิธีทำหนัง” โดนัท

    “I don’t want to be cool, I just want to learn how to make movies.”
    “ฉันไม่ได้อยากจะเท่ ฉันแค่อยากเรียนรู้วิธีทำหนัง” โดนัท

มันเป็นความรู้สึกที่มาถึงจุดอิ่มตัว โดนัทไม่อยากตามกระแสคนอื่นและอยากหาแนวทางของตัวเองให้ได้ แต่พอกลับมาถึงเมืองไทย โดนัทก็รู้ว่าการเรียนในห้องเรียนมันเป็นแค่ขั้นตอนแรกของเส้นทางนี้

ตอนกำกับหนังเรื่องแรก “Love Sucks” โดนัทแทบจะหานักแสดงไม่ได้ เหมือนคนไม่เชื่อว่า เธอจะทำได้ คนจะกลัวว่าหนังจะออกมาเหมือนละครทีวีทั่วไป กว่าจะได้นักแสดงครบทุกคน ก็เหลือเวลาแค่สองสามวันก่อนจะเปิดกอง ผมก็คิดว่า หลายคนคงจะเจออุปสรรคแบบนี้ ตอนเป็นบัณฑิตใหม่ ที่เพิ่งเริ่มหางานทำ เพราะยังขาดประสบบการณ์การทำงาน แต่สำหรับคนที่เป็นผู้ใหญ่และผ่านสิ่งต่างๆ มาเยอะ เคยชินกับความรับผิดชอบเดิมๆ แนวการทำงานเดิมๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะปรับตัวเองให้เข้ากับชีวิตใหม่

ผมยังจำความรู้สึกแบบนั้นได้ดี ตอนที่กำกับหนัง The Cheer Ambassadors เพราะไม่มีประสบการณ์การทำหนังและไม่ได้เรียนด้านนี้มา ผมเจอหลายๆ คนที่ไม่เชื่อและบอกว่า “ผมจะทำไม่ได้”

“เจอเรื่องแบบนี้รู้สึกอย่างไร ท้อไหม” ผมอยากรู้ว่าตอนนั้นธอรู้สึกอย่างไร

“ถึงคนจะไม่มั่นใจในตัวเรา ก็ไม่ได้มองเป็น negative เพราะสุดท้ายเวลาก็เป็นตัวพิสูจน์ ตอนแรกไม่มีใครเชื่อใจเรา จนกระทั่งได้กำกับภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเสร็จ แล้วทุกคนก็ได้เห็นผลงานเรา” เธอบอก
ไม่ใช่เป็นแค่คนอื่นที่ไม่มั่นใจในตัวเธอ โดนัทเองก็รู้สึกหม่มั่นใจในตัวเองเช่นกัน โดยเฉพาะตอนตัดต่อ เธอบอกว่าภาพยนตร์เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัว คนดูอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่จะต้องเข้าใจเนื้อเรื่อง หนังจะต้องสื่อสารกับคนดูให้ได้ แต่ผมว่าความรู้สึกที่ไม่มั่นใจ เป็นสิ่งที่ศิลปินทุกคนจะต้องเอาชนะ แล้วมันก็ยิ่งยากตอนที่เราเริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ตอนเป็นผู้ใหญ่ และยิ่งยากเข้าไปอีกเมื่อต้องตัดสินใจให้ทั้งทีม เพราะถ้าเห็นความไม่มั่นใจของหัวหน้าทีม ทุกคนก็จะมีความรู้สึกเช่นเดียวกันตามมา

“เราทำมากกว่าปกติ ถ้าอยู่กองจะเป็นว่าโดนัทจะทำหมด เรารู้ว่าเราต้องการอะไร ก็เลยวิ่งไปทำเอง” เธอเล่า

“เหมือนต้อง prove ว่าตัวเองเก่ง” ผมพูด

“ไม่ได้ prove ว่าเราเก่ง แต่ prove ว่าเราบ้า” เธอแย้ง

หลังกำกับหนัง Love Sucks โดนัทก็ได้กำกับภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อโดนัทซื้อใจคนในวงการได้ การทำงานในสายผู้กำกับก็ง่ายขึ้น เพราะมีคนเชื่อเธอมากขึ้น คนเริ่มเห็นภาพว่างานของเธอจะออกมาดี ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และมีคนเสนอโปรเจคต์ใหม่ให้โดนัทกำกับ

วันที่เรานัดคุยกัน โดนัทโทรมาขอโทษก่อนว่าจะมาสายนิดหน่อย ตอนเธอวิ่งเข้ามาในร้านกาแฟ ผมยังเปียกอยู่เลย เธอนอนดึกเพราะกำลังปั่นงานใหม่เป็นซีรี่ย์หนังสั้น 5 ตอน ของ “วงนูโว” ชื่อ NUVO Love Story เป็นสไตล์ที่ไม่ได้เอาเพลงมาเปิดแล้วให้คนมาเต้นหรือมาแสดงตามเนื้อร้องของเพลงตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือน MV ส่วนใหญ่
“พอเป็นหนังที่ขึ้นว่า tribute ให้ศิลปินวงหนึ่ง เราอยากให้มีความเป็นภาพยนตร์


เราใช้กล้อง Epic ถ่าย เราเกรดสีอย่างจริงจัง แล้วเราทำเสียงอย่างดีที่ห้องทำเสียงภาพยนตร์ เราต้องให้เกียรติศิลปิน เราเป็นทั้ง โปรดิเซอร์ ผู้กำกับ คนเขียนบท และ คนตัดต่อ” -โดนัท

หนังแต่ละตอนเล่าตามเนื้อเพลงหนึ่งเพลง ห้าตอน ห้าเพลง ที่แฟนเพลง NUVO อย่าง นิยามรัก สัญชาตญาณบอก สัญญา

ผมก็คิดว่าเป็นไอเดียที่เข้าท่าเลยทีเดียวเพราะคนส่วนใหญ่ที่รู้จักเพลงของนูโวอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสร้างให้เพลงดัง แค่ทำให้คนคิดถึงก็พอ

“โดนัทเชื่อว่าคนในวัยโดนัทหรือแก่กว่า ทุกคนเคยมีเรื่องราวความรัก ผ่านเพลงนูโว ถ่ายทอดเรื่องนี้มันง่ายมาก แต่พอเรื่องง่ายก็ต้องกลับมาพิถีพิถันงานภาพ งานเสียง เพื่อสร้างความพิเศษ เราทำงานนี้อินมากเลย ขนาดคนที่มิกซ์เสียงที่เป็นคนรัสเชีย เพิ่งมาอยู่เมืองไทยไม่นาน ยังเข้าใจและอินได้ง่าย งานของเราก็น่าจะช่วยดึงความทรงจำของคนดูออกมาได้” เธออธิบาย

ผมถามโดนัทเกี่ยวกับการทำหนัง Love Sucks เธอบอกว่าตอนนั้นยังบ้า ร้อนวิชา อยากลองเทคนิก ทำอะไรเยอะเกินไป แต่มาถึงโปรเจกต์นี้เริ่มเข้าใจว่าการทำอะไรที่ง่ายที่สุด ส่วนใหญ่จะดีที่สุด ซึ่งพาเรากลับมาถึงประโยคแรกที่เราคุยกับถึงความสำคัญของการสื่อสาร เราทั้งสองคนคิดว่า ไม่ว่างานสวยแค่ไหน ใช้อุปกรณ์แพงเท่าไร ถ้าคนดูไม่เก็ต เข้าไม่ถึง เหมือนเราไม่ได้ทำงาน คนดูอาจจะไม่ชอบก็ได้ นั่นเป็นเรื่องของรสนิยม แต่ต้องเข้าใจ

โดนัทว่าคนดูจะให้อภัยทุกอย่างยกเว้น acting ไหมครับ ถ้างานถ่ายไม่เนียนหรือสีของหนังแต่ละฉากไม่เหมือนกัน คนดูน้อยมากที่จะสังเกตพวกนั้น แต่ถ้าการแสดงไม่ดี คนดูจะไม่ชอบ” ผมถามเธอเป็นคำถามสุดท้าย

“ใช่คะ มีแต่พวกเราที่จะสังเกตเรื่องเทคนิค” เธอตอบ

 Cr.Picnic Post