เปิดตัว แอปเปิล วอตช์ (Apple Watch) |
แอปเปิล แถลงข่าวแนะนำผลิตภัณฑ์ ในนครซานฟรานซิสโก เปิดเผยรายละเอียดต่างๆ ของ แอปเปิล วอตช์ ตามความคาดหมาย แต่สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัว แมคบุ๊ก ใหม่ บางเฉียบ...
บริษัท แอปเปิล อิงค์ (Apple Inc.) ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ จัดงาน 'สปริง ฟอร์เวิร์ด' แถลงข่าวแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ศูนย์แสดงศิลปะ เยอร์บา บูเอนา ในนครซานฟรานซิสโก โดยเปิดเผยราคาและวันวางจำหน่ายนาฬิกาอัจฉริยะ แอปเปิล วอตช์ (Apple Watch) ตามความคาดหมาย แต่ยังสร้างความประหลาดใจแก่ผู้ที่มาร่วมงานด้วยการเปิดตัว นิว แมคบุ๊ก (The new MacBook) ที่ออกแบบมาใหม่ให้ตัวเครื่องมีความบางเฉียบ นอกจากนี้ยังอัพเดตข้อมูลแอพพลิเคชั่น และอุปกรณ์เสริมหลายอย่าง
แอปเปิลเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Apple Watch แต่ไม่ต่างจากตอนเปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ย.ปีก่อนมากนัก โดย Apple Watch มีหน้าจอสัมผัส มาพร้อมชิพประมวลผล 'S1' ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ ไจโรสโคป, เครื่องวัดความเร่ง สำหรับการออกกำลังกาย สามารถเชื่อมสัญญาณไวไฟและจีพีเอสจาก iPhone ของผู้ใช้ได้ ด้านหลังของเครื่องมี เลนส์ เซ็นเซอร์อินฟาเรด LED 4 ตัว สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 18 ชั่วโมง ขณะที่การชาร์จพลังงานใช้เครื่องชาร์จแบบแม่เหล็กติดเข้ากับด้านหลังของอุปกรณ์
ด้านข้างของตัวเครื่องมี เม็ดมะยม หรือ Digital Crown สำหรับหมุนจอเลื่อนขึ้น-ลง หรือขยายเข้าออกเวลาใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือสามารถใช้เป็นปุ่มโฮมได้ด้วยการกดลงไป ขณะที่ปุ่มด้านข้างอีกปุ่ม หรือ Digital Touch ใช้สำหรับเรียกรายชื่อผู้ติดต่อที่เราชื่นชอบมากที่สุดขึ้นมา เพื่อโทรหา, ส่งข้อความ หรือแม้แต่ส่งแท็บให้พวกเขาได้ และหากกด 2 ครั้งจะเป็นการเรียกระบบจ่ายเงิน 'แอปเปิล เพย์' ขึ้นมาใช้งาน
ความงดงาม ของ Apple Watch |
ในงานแถลงข่าวยังมีการสาธิตการใช้งาน Apple Watch ร่วมกับแอพฯ วีแชต (WeChat) ในการส่งข้อความและสติกเกอร์ สาธิตการใช้งานร่วมกับแอพฯ รักษาความปลอดภัยของ Alarm.com เชื่อมต่อ Apple Watch เข้ากับกล้องวงจรปิดรวมถึงระบบเปิดปิดประตูโรงรถหรือไฟภายในบ้าน ให้สามารถควบคุมจาก Apple Watch ได้ และเมื่อใช้งานกับแอพฯ ของโรงแรมที่รองรับก็สามารถใช้แทนบัตรสำหรับเปิดประตูห้องโรงแรมได้ด้วย
แอพพลิเคชั่นต่างๆ ของ Apple Watch สามารถดาวน์โหลดผ่าน iPhone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 8.2 ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสามารถสั่งจอง Apple Watch ได้ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. ก่อนวางจำหน่ายในวันที่ 24 เม.ย. ในประเทศออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
ในส่วนของราคา Apple Watch แบ่งออกเป็น 3 แบบให้สะสม โดยแบบที่ 1 คือ Apple Watch Sport (สปอร์ต) ทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยท่ีแข็งกว่าอะลูมิเนียมอัลลอยทั่วไป 60% ราคาเริ่มต้นที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 11,300 บาท) สำหรับรุ่นขนาด 38 มม. และ 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13,000 บาท) สำหรับรุ่นขนาด 42 มม.
แบบที่ 2 คือ Apple Watch ทำจากสเตนเลสสตีล โดยขนาด 38 มม.ราคาเริ่มต้นที่ 549-1,049 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 17,900-34,200 บาท) ขึ้นอยู่กับชนิดสายรัดข้อมือ ขณะที่ขนาด 42 มม. ราคาเริ่มต้นที่ 599 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 19,500 บาท) และแบบที่ 3 คือ Apple Watch Edition ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
ในงานยังเปิดตัวแล็ปท็อปรุ่นใหม่ The new MacBook |
แป้นพิมพ์เป็นแบบฟูลไซส์ ใช้กลไกปุ่มกดแบบใหม่ คือ butterfly mechanism ทำให้ความแม่นยำในการกดและความเสถียรเพิ่มขึ้น แต่บางลงอีก 40% แป้นพิมพ์แต่ละตัวจะมีไฟ LED สำหรับใช้งานในที่มืดด้วย ขณะที่ แทร็กแพด (TrackPad หรือ TouchPad) เพิ่มระบบ Force Touch เพิ่มเซ็นเซอร์เป็น 4 ตัว สามารถรู้สึกถึงแรงกดจากเบาที่สุดไปจนถึงระดับที่ลึกขึ้นได้ มีช่องเชื่อมต่อ USB ใหม่คือ USB-C ขนาดมาตรฐานใหม่ของแอปเปิลสำหรับเชื่อมต่อ USB, ต่อจอแสดงภาพภายนอก และชาร์จแบตเตอรี่
แอปเปิลจะเริ่มส่งจำหน่าย The new MacBook ในวันที่ 10 เม.ย. โดยมีให้เลือก 3 สี คือ เงิน, เทา และทอง ราคาเริ่มต้น 1,299 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 42,000 บาท) และมีรุ่นเพิ่มความเร็วของชิพประมวลผลและเพิ่มหน่วยความจำภายในเป็น 2 เท่า จำหน่ายในราคา 1,599 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 52,000 บาท)
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวอื่นๆ ภายในงาน แอปเปิลอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับ แอปเปิล ทีวี (Apple TV) โดยลดราคาลงจาก 99 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 69 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2,250 บาท) และจับมือกับเครือข่ายโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง HBO เปิดตัว HBO NOW บริการรายเดือนสำหรับชมซีรีส์ทั้งหมดของ HBO ทั้งในอดีต, ปัจจุบันและอนาคต เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย.นี้ ในราคาเดือนละ 14.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 490 บาท ใช้ได้เฉพาะพื้นที่ที่มีให้บริการ)
แอปเปิลยังยกระดับการใช้งานแอพพลิเคชั่น HealthKit ในไอโฟนไปอีกขั้น ด้วยการให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมกับการวิจัยทางการแพทย์ได้ ผ่านระบบ ResearchKit และเปิดตัวแอพพลิเคชั่นย่อยของ HealthKit สำหรับวินิจฉัยหรือตรวจสอบอาการของโรคต่างๆ ของผู้ใช้งาน โดยเป็นความร่วมมือจากสถาบันหรือมหาวิทยาลัยด้านการแพทย์ชื่อดัง เช่น สแตนฟอร์ด, เพนน์ เมดิซีน ฯลฯ
เบื้องต้น แอปเปิลเปิดตัวแอพพลิเคชั่นดังกล่าว 5 อย่าง คือ 'mPower' สำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน โดยตรวจสอบการสั่นของมือ หรือเสียง 'Asthma health' สำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด 'MyHeart Counts' สำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 'Share the Journey' สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม และ 'GlucoSuccess' สำหรับผู้ป่วยโรคอ้วน โดยทั้ง 5 แอพฯ เปิดให้ดาวน์โหลดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
Cr.ไทยรัฐ