21 มี.ค. 2558

"มาดามแป้ง" : สโมสรการท่าเรือ เอฟซี

นี่คือ แป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ


"สวย รวย เก่ง"
นี่อาจเป็นคำจำกัดความของเธอไปเเล้ว

แน่นอนไม่มีใครปฏิเสธเรื่องความสวย เช่นเดียวกับเรื่องพื้นเพเบื้องหลังของครอบครัวที่จัดได้ว่าระดับมหาเศรษฐีของเมืองไทย ส่วนเรื่องความเก่งแน่นอนนอกจากฐานะผู้บริหาร อีกมุมหนึ่งเธอคือผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดสร้าง "ประวัติศาสตร์" ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก

นี่คือ แป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ หรือใครต่อใครพากันเรียก "มาดามแป้ง" ที่ชั่วโมงนี้โดดเด่นเหลือเกิน

ยิ่งล่าสุด เมื่อธุรกิจที่เธอเป็นผู้บริหาร เข้าไปสนับสนุนสโมสรฟุตบอลในลีกสูงสุดของประเทศอย่างการท่าเรือ จนวันนี้ภาพที่หลายๆ คนเห็นแทบจะทุกสัปดาห์ คือ "มาดามแป้ง" ปรากฏกายอยู่ที่ข้างสนาม ติดตามเชียร์ ติดตามลุ้น รวมทั้งให้เทคนิคกับผู้เล่น

สำหรับ "มาดามแป้ง" ปัจจุบันมีตำเเหน่งห้อยท้ายต่อจากชื่อของเธอมากมาย เริ่มตั้งเเต่ในด้านธุรกิจ เธอคือกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด เเละผู้นำเข้าสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมหลายแบรนด์ ผ่านทางบริษัท วรรณมานี จำกัด และบริษัท ซังออนอเร่ ไม่ว่าจะเป็น แอร์เมส (Hermes), เอ็มโพริโอ อาร์มานี (Emporio Armani), ทอดส์ (Tod′s), โคลเอ้ (Chole), Christofle และบลูมารีน (Blumarine)

ในวงการกีฬา เธอคือผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก เเละประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ เอฟซี

ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เธอคือกงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศลิทัวเนีย

ล่าสุด เนื่องในวันสตรีสากล มาดามเเป้งยังเป็นหนึ่งใน 10 สาวเก่ง ที่ได้รับรางวัลสตรีดีเด่นอาเซียน Outstanding ASEAN Women Entrepreneurs ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามอีกด้วย

"รางวัลสตรีดีเด่นอาเซียน มอบเพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่ผู้ที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่คนรุ่นใหม่ ตลอดจนเพื่อสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพสตรีในภูมิภาคอาเซียนให้มีการต่อยอดความสามารถอย่างแพร่หลาย รางวัลนี้ถือว่าเป็นรางวัลทรงคุณค่าเเละถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูง เป็นอีกรางวัลที่ภาคภูมิใจ เพราะเเสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เราทำมาตลอด" มาดามแป้งเผย

เหตุผลอะไรที่จะต้องรีรอ เมื่อมีโอกาสได้ไปเกาะติดขอบสนามการซ้อมของ "นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย" แล้วได้พบกับเธอ

และนี่คือ "บทสัมภาษณ์" ที่อาจกล่าวได้ว่า "ห้ามพลาด"

แฟนบอลท่าเรือดูหวานขึ้นเยอะเมื่อมีมาดามแป้ง

กับตำเเหน่งประธานฟุตบอลสโมสรการท่าเรือ เอฟซี?

ถือว่าเป็นอะไรที่ใหม่เเละท้าทายมากกับการเข้ารับตำเเหน่งประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือเอฟซีเมื่อวันที่11กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงชีวิตค่อนข้างเยอะต้องพยายาม ตั้งใจเเละทำอะไรอีกเยอะ รวมทั้งต้องอาศัยผู้รู้อีกมากมายให้ความช่วยเหลือ

ความเเตกต่างในการบริหารทีมระดับสโมสรเเละระดับชาติ?

การทำทีมฟุตบอลระดับสโมสรนั้นเเตกต่างจากระดับชาติโดยสิ้นเชิงมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องเเตกต่างกันหลายอย่างอย่างการดูเเลนักกีฬาหญิงกับชายก็เเตกต่างกันเเล้วเเละเนื่องจากนักฟุตบอลหญิงทีมชาติเราดูเเลมา6ปี มีความสนิทสนม คุ้นเคยอยู่กันเสมือนเป็นครอบครัว มีความเข้าใจกันเยอะมาก เรียกว่าผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุขอะไรมาร่วมกันเยอะ อีกอย่างการเล่นทีมชาติ เรื่องเงิน เรื่องค่าตัวมันไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะจริงๆ เเล้ว เมื่อทุกคนเดินทางมาสู่ระดับทีมชาติ ก็อยากสร้างชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศด้วยกันทั้งนั้น

ขณะที่การบริหารทีมสโมสรอาชีพ เราต้องดูเเลทุกอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับทีมทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะเเค่นักฟุตบอล เเต่ยังมีเรื่องสนามที่ต้องดูเเล มีกองเชียร์ รายได้ เเละอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมากมาย อย่าง 1 เดือนที่ผ่านมา ก็มีการคุยกับโค้ชสมชาย ชวยบุญชุม เริ่มคุยกันว่าจะพัฒนาในเรื่องการเก็บตัวของนักฟุตบอลให้มีลักษณะที่เข้มข้นขึ้น เเละเเตกต่างไปจากเดิม มีการพัฒนาในเรื่องอาหารการกิน รวมทั้งพัฒนาในเรื่องระเบียบวินัยของทีม

เราก็เข้าใจนักเตะอาชีพระดับสโมสรมีความเเตกต่างจากระดับทีมชาติ การจะปรับเปลี่ยนทุกอย่างกะทันหันในเวลาอันรวดเร็วตามใจตัวเองทุกอย่างนั้น คงเป็นไปไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เเต่สิ่งที่ประทับใจมากๆ คือสิ่งที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของทีมท่าเรือ นั่นก็คือ แฟนบอล ที่ขอกราบขอบคุณผ่านการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วย ตัวเองได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นมากๆ ขอบคุณแฟนบอลท่าเรือทุกคน ตั้งใจนำสิ่งที่ดีที่สุดมาให้แฟนบอล เเละจะขยับขยายฐานแฟนบอลให้มีมากขึ้นเรื่อยๆ

47 ปี ที่สโมสรการท่าเรืออยู่มา จนเรียกว่าเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนท่าเรือ เมื่อเราลงมาทำหน้าที่ตรงนี้เเล้ว ขอเวลานิดหนึ่งในการบริหารจัดการ อย่างน้อยก็ในช่วงเลกเเรกนี้ ตอนนี้อะไรหลายอย่างก็ยังกระจัดกระจาย ไม่ลงตัว นักเตะเพิ่งรวมตัวกันได้ไม่นาน กีฬาฟุตบอลนั้นเป็นกีฬาทีมเวิร์ก ตอนนี้เราต้องยอมรับว่าเสียเปรียบทีมอื่นอยู่มาก มาก มาก (ย้ำหลายครั้ง) ฉะนั้น ขอแฟนบอลอย่าเพิ่งท้อเเท้ผิดหวัง เพราะเราตั้งใจเข้ามาทำงานจริงๆ

แฟนบอลท่าเรือดูหวานขึ้นเยอะเมื่อมีมาดามแป้ง ?


คิดว่าจริงๆ ไม่ใช่อะไรนะคะ ต้องยกความดีความชอบให้แฟนบอลการท่าเรือ เพราะเชื่อว่าลึกๆ เเล้ว แฟนบอลไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนมอง ทุกคนมีน้ำใจเป็นนักกีฬา มีความแฟร์เพลย์ เราได้ยินเเละเห็นมาที่ใครๆ พูดกันว่า มาเยือนแพทสเตเดี้ยม (สนามของสโมสรการท่าเรือ) ต้องตายเเน่ๆ เเต่ตั้งเเต่เปิดฤดูกาลมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับทีมเยือน จนสื่อมวลชนชมเลยว่าไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา

ได้บอกทุกคนไปว่า จริงๆ แล้วทุกคนรู้เเละมีความเข้าใจว่าทีมกำลังลำบากจะมาทำให้ทีมตัวเองเกิดความเสียหายอีกทำไม คิดว่าทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดี อย่างการไปเยือนเอสซีจี เมืองทอง มีตำรวจมาดูเเลรักษาความปลอดภัยถึง 500 คน เเต่สุดท้ายก็ไม่มีเหตุการณ์ร้ายเเรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีตหรืออย่างที่ทุกคนคิด

คิดว่าทุกคนเข้าใจ เเละวันนั้นแฟนบอลท่าเรือเเละเมืองทองก็ให้เกียรติซึ่งกันเเละกัน มีการปรบมือให้กัน ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้เหมือนกัน ทุกคนมีน้ำใจนักกีฬา (ทำหน้าจริงจัง)

ไม่ใช่เพราะมาดามแป้ง?


ไม่ใช่ค่ะ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดตรงนั้นได้ เเละไม่เคยได้ไปขอร้องหรืออะไร คิดว่าทุกคนมีจิตสำนึกที่ดีอยู่เเล้ว เเละก็อยากเอาใจช่วยเราด้วย

ฟุตบอลหญิงตอนนี้เราเก็บตัวมากว่า8เดือนเเล้วเพิ่งกลับมาจากเนเธอร์เเลนด์หลังเก็บตัวมาเป็นเวลา1เดือน ได้อุ่นเครื่องกับทีมชั้นนำไม่ว่าจะเป็นทีมชาติเนเธอร์เเลนด์เอง หรือสโมสรต่างๆ จากทั้งเยอรมนีเเละเบลเยียม ทำให้ได้เห็นการเล่นฟุตบอลในสไตล์ยุโรบซึ่งมีความเเตกต่างจากระดับอาเซียนโดยสิ้นเชิง

เรามีการเพิ่มความเเข็งเเกร่งทุกอย่าง นำวิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ให้กับเด็กๆ ในทีม ทุกคนก็ซ้อมหนัก เเละนาทีนี้เชื่อว่านักเตะมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ความฟิตของร่างกาย เรียกว่าทุกคนสามารถลงเล่นได้ตลอด 90 นาทีเเบบสบายๆ ไม่มีหมด ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนคาดหวังเเละต้องการคือการได้อุ่นเครื่องกับทีมที่มีอันดับโลกเหนือกว่าเรา ฝากไปถึงสมาคมฟุตบอลฯด้วยว่า อยากให้มีการจัดการเเข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่อง 4 เส้าขึ้นมาในประเทศไทย เพราะที่ผ่านมา เห็นเเล้วว่ารายการฟุตบอลหญิงมักจะจัดอยู่ในประเทศเวียดนาม พม่า หรือลาว ทำไมเราไม่โปรโมตประเทศของเราด้วยการจัดการเเข่งขันที่บ้านเราบ้าง

เราต้องการเชิญทีมที่มีความเเข็งเเกร่งมามอบประสบการณ์ให้กับทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย จีน หรือทีมจากยุโรป และสหรัฐ นอกจากได้โปรโมตฟุตบอลหญิงเเล้ว ยังส่งผลดีต่อประเทศในด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย

เป้าหมายในฟุตบอลโลก?


ในการดูเเลของตัวเอง ฟุตบอลหญิงผ่านไปสู่ระดับของการได้ไปฟุตบอลโลก พลิกประวัติศาสตร์ลูกหนังของเมืองไทยเเล้ว ทีนี้อยู่ที่ว่าพวกเขาจะพิสูจน์ตัวเองที่เวทีระดับโลกในเดือนมิถุนายน ที่กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา ได้อย่างไร

เนื่องจากต้องเจอทีมคู่ต่อสู้ที่เเข็งมาก ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี นอร์เวย์ เเละไอวอรี่โคสต์ เป็นความกดดันอย่างเเน่นอนทั้งของตัวเอง โค้ช เเละทีมฟุตบอล โดยเป้าหมายสูงสุดของเราคือผ่านรอบเเรกเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ได้ ถ้าถึงจุดนี้ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จจากสิ่งที่เราทำมาตลอดเเล้ว

หน้าที่ในฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศลิทัวเนีย?


การที่ได้รับการโปรดเกล้าฯเเต่งตั้งให้เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ต้องขอบคุณชาวลิทัวเนียเเละรัฐบาลลิทัวเนียที่ให้ความไว้วางใจ คนที่เลือกคงติดต่อผ่านทางหอการค้าไทย เนื่องจากเราเป็นคณะกรรมการหอการค้าไทยอยู่ โดยลิทัวเนียเป็นประเทศเกิดใหม่ อยู่ทางฝั่งตะวันออกของทะเลบอลติก

การรับตำเเหน่งนี้ หน้าที่คือเชื่อมต่อให้เกิดการลงทุนในสองประเทศทั้งจากภาครัฐเเละเอกชน สร้างสัมพันธไมตรี กระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งเเลกเปลี่ยนสิ่งดีงามของทั้งสองประเทศ

เป็นงานที่ต้องทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับทั้งสองประเทศให้ได้อย่างในลิทัวเนียตอนนี้ ไม่มีร้านอาหารไทยเลย ทั้งที่ร้านอาหารไทยฮอตฮิตทั่วโลก ฉะนั้น สิ่งที่วางไว้อย่างเเรกคือการเข้าพบผู้ประกอบการร้านอาหารไทย เพื่อหารือให้ไปเปิดร้านอาหารไทยในลิทัวเนีย เชื่อว่าขายดีอยู่เเล้วเพราะรสชาติอาหารไทยได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

ในเเง่ของธุรกิจ ความเป็นผู้หญิงมีข้อได้เปรียบหรือข้อจำกัดอย่างไรบ้างในยุคนี้?


คิดว่ามีทั้งข้อได้เปรียบเเละข้อเสียเปรียบแต่ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะพยายามเเค่ไหนไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจภาคกีฬาหรืออะไรก็ตามพอขึ้นมาอยู่บนเวทีแห่งการแข่งขัน จะไม่มีคำว่าหญิงและชาย ทุกคนล้วนอยู่บนเกมของการแข่งขัน

ส่วนตัวเชื่อว่าถ้ามีการแข่งขัน ทุกฝ่ายต่างไม่ยอมแพ้กันอยู่เเล้ว อย่างบทบาทหน้าที่ในวงการประกันภัย ซึ่งผู้หญิงรับบทบาทด้านนี้กันน้อย แต่การแข่งขันสูงมาก เเข่งกันสุดตัว ไม่ใช่ว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะได้แต้มมากกว่าคนอื่นๆ หรือในการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกก็เหมือนกัน เเม้เราจะเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวใน 18 สโมสร เเต่เชื่อว่าไม่มีทีมไหนที่จะยอมแพ้เพราะความเป็นผู้หญิง

ฉะนั้น บนเวทีการเเข่งขันเราก็ต้องเต็มที่ เเต่เชื่อว่าพอเราก้าวลงมาจากเวทีแล้ว มิตรภาพย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะในความเป็นผู้หญิงก็อาจจะโชคดีด้วยที่จะได้รับเกียรติจากผู้แข่งขันท่านอื่นๆ อยู่เสมอ อย่างวงการฟุตบอลก็จะได้การต้อนรับและให้เกียรติจากท่านประธานสโมสรเกือบจะทุกสโมสร ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี

บทบาทผู้หญิงในเมืองไทย?


มีความเชื่อว่าในยุคนี้ ความเสมอภาคของหญิงและชายในประเทศไทยนั้นมีมากขึ้น แต่อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า ไม่ใช่ว่าเป็นผู้หญิงเเล้วจะได้เปรียบในทุกๆ อย่าง ไม่ใช่เเน่นอน

อยากบอกว่า เเม้ในภาคธุรกิจผู้หญิงจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มีอีกภาคส่วนหนึ่งที่เราไม่ได้เกี่ยวข้อง เเต่ก็มองอยู่เสมอนั่นก็คือภาคการเมือง เราเห็นว่าผู้หญิงยังมีบทบาทค่อนข้างน้อยอยู่ ไม่ได้มองในมุมของตัวเอง แต่มองสำหรับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ต้องการจะเข้ามามีบทบาททางการเมือง เราควรเปิดกว้างและเปิดโอกาสให้มากขึ้น เพราะโดยส่วนตัวเชื่อว่าการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงร่วมบริหารงานด้านการเมืองจะทำให้เกิดมุมมองที่เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นบนเวทีต่างๆ เพราะบางครั้งมุมมองของผู้หญิงก็แตกต่างจากผู้ชาย

กรรมาธิการกำลังถกเถียงเรื่องสัดส่วนของผู้หญิงในเวทีการเมือง?


ถ้าจะให้พูดถึงอัตราสัดส่วนแบบจริงๆจังๆก็ยังไม่ได้คิดถึงจุดนั้นเเต่เชื่อว่าการที่ผู้หญิงได้รับโอกาสบนเวทีการเมืองในการเเสดงความคิดเห็นหรือมุมมองเป็นสิ่งสำคัญเพราะบางครั้งมุมมองของผู้หญิงก็แตกต่างจากผู้ชายเหมือนกัน

คิดว่าทุกอย่างมันมีทั้งเเง่บวกเเละเเง่ลบฉะนั้น การเอาผู้หญิงเข้าไปเเสดงออกบนเวทีการเมืองบ้าง คิดว่าเป็นอะไรที่น่าพิจารณา เเต่เราไม่ได้ลงลึกไปเรื่องสัดส่วนของผู้หญิง ที่กำลังถกเถียงกันในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพียงเเต่มองในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้เล่นการเมือง

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้มีความตั้งใจเข้ามาทำงานจริง ฉะนั้น ในที่สุดเเล้ว คงถึงจุดสรุปและได้สัดส่วนที่เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของทุกๆ ฝ่าย

ท่าเรือ...รักแป้งมาก   

′คนสวย′ กับ ′สโมสรดุ′


โหด เถื่อน ดุดัน เกรี้ยวกราด เต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมกับเกมที่สูงมาก...

นี่คือภาพของแฟนบอลการท่าเรือ ที่ทุกคนชินตาและทำให้สนามอย่างเเพทสเตเดี้ยม รังเหย้า ของ "สิงห์เจ้าท่า" ณ ย่านคลองเตย เป็นอีกหนึ่งสนามที่คู่เเข่งหวั่นเกรงที่สุด

โตโยต้า ไทยพรีเมียลีก 2015 ฤดูกาลนี้ทุกอย่างของท่าเรือยังเหมือนเดิม หากที่เพิ่มเติม คือ "ความหวาน"

"ท่าเรือรักแป้งมาก" ป้ายข้อความหวานๆ จากใจแฟนบอลถึงประธานสาว นวลพรรณ ล่ำซำ สามารถพบเห็นได้ทุกเเมตช์การเเข่งขันของสิงห์เจ้าท่า

"ชอบมากที่สุดก็คือข้อความที่โพสต์ในแฟนเพจของการท่าเรือว่า′ท่าเรือรักแป้งมาก′ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจที่มีคนชื่นชมถึงขนาดทำป้ายเขียนข้อความมาให้กำลังใจและที่มีคนบอกว่าเป็นนางฟ้าท่าเรือขอบอกเลยว่าดีใจอย่างมากเพราะด้วยความที่เป็นผู้หญิงใครมาหยอดคำหวาน ยื่นคำชม ก็แอบปลื้มใจเป็นธรรมดา แต่จริงๆ ก็เข้าใจในตัวเองว่าอายุเริ่มมากขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นความหวาดกลัวของผู้หญิงทั่วไปที่จะก้าวเข้าสู่วัย 50 แต่ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่ารู้สึกภูมิใจและปลื้มใจที่มีคนชื่นชมเช่นนั้น" มาดามแป้งบอกพร้อมรอยยิ้ม

เอ่ยถึงมาดามแป้งมาขนาดนี้ จะไม่พูดถึงทีมท่าเรือ เอฟซี ก็เห็นจะกระไรอยู่ ฉะนั้น จึงขอพาย้อนอดีตถึงที่มาที่ไปของทีมเก่าแก่ทีมนี้

สโมสรการท่าเรือ เอฟซี ได้เข้ามาร่วมไทยพรีเมียร์ลีกครั้งแรกในปี พ.ศ.2539 ซึ่งในอดีตสโมสรนี้มีชื่อว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย, การท่าเรือไทย, สิงห์ท่าเรือ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น "การท่าเรือ เอฟซี" ในปัจจุบัน

เริ่มก่อตั้งเมื่อ พ.ศ.2510 โดยใช่ชื่อว่าสโมสรฟุตบอลการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมี พล.ต.ประจวบ สุนทรางกูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นนายกสโมสร

การท่าเรือคงรักษาระดับมาตรฐานและยืนหยัดอยู่บนลีกอาชีพเรื่อยมา ถึงแม้ว่าในปี 2555 จะตกลงไปสู่ไทยลีกดิวิชั่น 1 แต่ด้วยความทะเยอทะยานของเหล่าสต๊าฟและความทุ่มเทของนักเตะ ก็ทำให้สามารถกลับมาโลดแล่นบนลีกสูงสุดได้อีกครั้งในปีถัดมา

ในส่วนผลงาน ทีมการท่าเรือคว้าแชมป์ในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคัพในปี 2552 ต่อด้วยแชมป์ฟุตบอลโตโยต้าลีกคัพ ในปี 2553 และในเวทีระดับเอเชียเคยทะลุถึงรอบก่อนรองชนะเลิศมาแล้วในปี 2010

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ล่าสุดที่เกิดขึ้น สร้างความฮือฮาไปทั่ววงการฟุตบอลไทยเมื่อ "มาดามแป้ง" บรรลุข้อตกลงจัดการ "เทกโอเวอร์" ทีมการท่าเรือแบบเบ็ดเสร็จ ทำให้บรรดากองเชียร์ทีม "อาชาท่าเรือ" ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตามๆ กัน

หนำซ้ำ ยังประกาศเปลี่ยนชื่อจากเดิมที่เคยคิดจะใช้ว่า "การท่าเรือ เมืองไทยประกันภัย เอฟซี" เป็น "การท่าเรือ เอฟซี" เรียกว่าได้ใจสาวกไปเต็มๆ

ล่าสุดกับฤดูกาล 2015 ภายใต้การทำทีมของ "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม ด้วยผลงานชนะ 1 แพ้ 4 จากการลงแข่งทั้งหมด 5 นัด ต้องบอกว่าสถานการณ์ "หนักเอาการ"

"บางครั้งยังสัมผัสไม่ถึง ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักให้มากขึ้นกว่านี้ แต่ก็ต้องยอมรับและให้ทีมสต๊าฟโค้ชเป็นผู้พิจารณา เพราะเราให้สิทธิเขาเต็มที่ในการจัดการทีม ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายหน้าที่จนเกินความจำเป็น ในส่วนของผลงานของทีมท่าเรือ ต้องบอกว่ายังไม่เป็นที่พอใจนัก ซึ่งช่วงต้นฤดูกาลแต่ละทีมที่เจอกันมาต้องบอกว่าหินมาก และในช่วงเลกแรกการปรับเปลี่ยนผู้เล่นยังไม่สามารถทำได้ จึงต้องพยายามสู้กันต่อไป"

คือความหวังขณะนี้ของ "มาดามแป้ง" แห่ง การท่าเรือ เอฟซี

Cr.ประชาติธุรกิจ