10 ก.ย. 2558

“มาเฟีย สยาม” ถูกจับแล้ว


“มาเฟีย สยาม” ถูกจับแล้ว

ชายหนุ่มนักเลง! เจ้าของฉายา “มาเฟีย สยาม”

สังคมกำลังให้ความสนใจที่สุดในห้วงเวลานี้ก็ว่าได้ สำหรับชายหนุ่ม เจ้าของฉายา “มาเฟีย สยาม” ผู้มีพฤติกรรมกร่างเยี่ยงนักเลง หลังจากโลกออนไลน์เผยแพร่เรื่องราวเหยื่อสาวที่ถูกชายดังกล่าวทำร้ายร่างกาย ชกต่อยและกระโดดถีบในรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) ทั้งที่ไม่เคยรู้จักและมีปัญหากันแต่อย่างใด กระทั่งมีการขุดคุ้ยการก่ออาชญากรรมต่างๆ ของชายนักเลงรายนี้ ทราบว่า เคยก่อวีรกรรมทำร้ายร่างกายทั้งผู้หญิงและเด็กมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง...

พ.ต.ท. อาทิตย์ เปิดเผยว่า พฤติกรรมของ ผู้ต้องหา อาจเกิดขึ้นจากตัวผู้ต้องหาเอง ที่ค่อนข้างมีพฤติกรรมกร่าง ฉุนเฉียว ใจร้อน โมโหง่าย และมีพฤติกรรมโดยการใช้กำลังที่รุนแรง โดย นายวีระพัน ผู้ต้องหานั้น เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณย่านสยามสแควร์ จนได้รับการตั้งฉายาในโลกออนไลน์ ว่า “มาเฟีย สยาม”

 
ด้วยเหตุนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจ จึงขอพาไปทำความรู้จัก เจ้าของฉายา “มาเฟีย สยาม” คนนี้ ว่า เขาเป็นใคร? มาจากไหน? เหตุใดถึงมีพฤติกรรมรุนแรงเช่นนี้? รวมถึงเคยก่อเหตุอาชญากรรมลักษณะนี้มาแล้วกี่ครั้ง..!?


พ.ต.ท. อาทิตย์ ซิ้มเจริญ รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจปทุมวัน เปิดเผยว่า จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหา ชื่อ นายวีระพัน อินทะวง หรือ เฒ่า อายุ 38 ปี สัญชาติลาว ผู้ต้องหารับสารภาพว่า เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย เดินทางเข้ามาด้วยเรือจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยเข้ามาเล่นการพนันและศึกษาการเล่นมวยที่เวทีลุมพินี และเวทีราชดำเนินอยู่บ่อยครั้ง 

จากการสืบสวน นายวีระพัน ผู้ต้องหา ให้การอีกว่า ตนเป็นคนมีฐานะดี ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เนื่องจากบิดาจะโอนเงินมาให้ใช้ทุกสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 14,000 บาท โดยพื้นเพเดิมนั้น บิดา เป็นนายพันทหารของประเทศลาว และเคยเป็นผู้อพยพทางด้านการเมือง โดยครอบครัวของตนได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยความที่ตนเป็นคนเกเรมาก จึงตัดสินใจหนีออกจากค่ายผู้อพยพ จนกลับมาอยู่เวียงจันทน์ ประเทศลาว

จากการสอบสวน นายวีระพัน ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ทำร้ายร่างกาย นางสาววัลลภา ได้รับบาดเจ็บ ภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) สถานีหัวลำโพง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 นั้น เป็นความจริง พร้อมกล่าวขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป โดยอ้างว่าตนเองมีความผิดปกติทางอารมณ์ เนื่องจากเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง และไม่ได้เป็นมาเฟียอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เข้ามาเพื่อซื้อผ้าที่ตลาดโบ๊เบ๊กลับไปขาย และมีธุรกิจโรงแรมที่ลาว

เปิดประวัติอาชญากรรม ชายวีรกรรมสุดโต่ง เจ้าของฉายา “มาเฟีย สยาม” 

ก่อเหตุครั้งที่ 1
จากประวัติอาชญากรรม พบว่า นายวีระพัน ผู้ต้องหา เคยก่อเหตุเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2558 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้ก่อเหตุลักเอาทรัพย์สินของ น.ส.ศศิวิมล วงศ์มั่น โดยได้ใช้กลอุบายหลอกว่าจ้างให้ น.ส.ศศิวิมล ไปนวด ที่โรงแรมบางกอกพาเลส จากนั้นได้ออกอุบายทำทีขอยืมโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายไปใช้โทรหามารดาที่ ต่างประเทศ กระทั่งได้อาศัยจังหวะเผลอของผู้เสียหาย ลักเอาโทรศัพท์หลบหนีไป ซึ่งคดีดังกล่าวนี้ ผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท โดยผู้ต้องหาโดนข้อหาลักทรัพย์

ก่อเหตุครั้งที่ 2
ต่อมา วันที่ 12 สิงหาคม 2558 เวลาประมาณ 16.00 น. นายวีระพัน ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุใช้ขวดน้ำพลาสติกฟาดที่ใบหน้าของ นายพศวัต บัณดิษฐ์ศิลป์ อายุ 17 ปี พร้อมพูดจาข่มขู่ เนื่องจากอ้างว่าเด็กชายมองหน้าแฟนสาวของตน จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ ระงับอารมณ์ไม่อยู่ เหตุเกิดที่บริเวณชั้น 6 หน้าโรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งคดีนี้ ผู้ต้องหาโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย

ก่อเหตุครั้งที่ 3
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2558 ขณะที่ นายวีระพัน ผู้ต้องหา มาติดต่อเพื่อขอเช็กอินเข้าพักโรงแรมพร้อมกับหญิงสาวรายหนึ่ง และทางพนักงานได้เรียกขอหลักฐานยืนยันตน เช่นบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต แต่นายวีระพัน ระบุว่าไม่มี และยังโอ้อวดว่า ที่ผ่านมาก็ไม่มีเอกสารใดๆ ก็สามารถเข้าพักได้ ก่อนจะอาละวาดขว้างปาสิ่งของใส่ พร้อมกับยืนต่อว่าพนักงาน

ก่อเหตุครั้งที่ 4
และเหตุการณ์ล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 เวลา 7.55 น. นายวีระพัน ผู้ต้องหา ได้ก่อเหตุข่มขู่และทำร้ายร่างกาย โดยการด่าทอ ชกต่อยและกระโดดถีบ นางสาววัลลภา ตระกูลแพร่หลาย อายุ 23 ปี ในรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีหัวลำโพง เนื่องจากอ้างว่าไม่พอใจที่หญิงสาวเหยียบเท้าและมองหน้า ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน คดีนี้ ผู้ต้องหาจะโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย
 
ทีมข่าวฯ ติดต่อไปยัง นางสาววัลลภา ตระกูลแพร่หลาย อายุ 23 ปี (ผู้เสียหาย) เล่าให้ฟังว่า ตนได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ว่า เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2558 เวลาประมาณ  08.00 น. ขณะที่ตนกำลังจะไปทำงาน เดินเข้าภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีหัวลำโพง ได้ถูก นายวีระพัน ใช้วาจาข่มขู่ ด่าทอ และใช้กำลังทำร้ายร่างกาย โดยการต่อยเข้าไปที่เบ้าตาและกระโดดถีบตนจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นตนจึงตัดสินใจออกจากขบวนรถที่สถานีสามย่านแทน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพื่อนตนได้นำภาพของ นายวีระพัน ผู้ก่อเหตุไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ปรากฏว่า ได้มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาแสดงความเห็นพร้อมแจ้งข้อมูลพฤติกรรมของ นายวีระพัน ว่า เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณย่านสยามสแควร์

Cr.ไทยรัฐ,e-news ,Asia21st ,Synergy | Google+ ,