ลูกไฟอุกกาบาต พุ่งลงจากฟ้า |
ฮือฮาวิพากษ์วิจารณ์กันทั้งเมือง กรณีจู่ๆมีลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากฟากฟ้า ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เมื่อเวลาประมาณ 08.40 น. วันที่ 7 ก.ย. ก่อนจะหายลับไป ทิ้งไว้แต่กลุ่มควันขาวเป็นทางยาวชั่วเวลาไม่กี่วินาที สร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้พบเห็น ที่เห็นได้เป็นวงกว้างในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันตกและตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ นนทบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี อยุธยา สระบุรี อุทัยธานี กาญจนบุรี นครราชสีมา รวมถึงใน กทม.ที่เห็นได้ในหลายจุด เช่น บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ย่านงามวงศ์วาน ดินแดง ลาดพร้าว คลองตัน อโศก ถนนรัชดาภิเษก พระราม 4 เมืองทองธานี ฯลฯ ต่างก็มีคนเห็นปรากฏการณ์นี้เช่นกัน
และในเวลาต่อมามีคนนำภาพที่บันทึกได้ ส่วนใหญ่จากกล้องจิ๋วติดรถยนต์ มาเผยแพร่ทางโลกออนไลน์ เช่น ผู้ใช้ชื่อว่า Lek- Lai Thailand ที่บันทึกภาพลูกไฟพุ่งลงมาจากฟ้า ก่อนที่จะมีแสงสว่างขนาดใหญ่แล้วหายไป ขณะขับรถยนต์ส่วนตัวบนถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ผ่านช่วงตำบลลาดบัวขาว มุ่งหน้าไปยังตำบลคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ฯลฯ ยิ่งเพิ่มกระแสความสงสัยว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนในหลายจังหวัดที่เห็น ปรากฏการณ์ลูกไฟในช่วงเวลาดังกล่าว ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา รวมถึงเป็นห่วงว่าอาจมีเหตุเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ตก เช่นที่ ต.โนนท่า อ.สูงเนิน ต.โป่งแดง อ.ขามทะเลสอ จ.นครราชสีมา ซึ่งหลังจากตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบใน พื้นที่ที่ได้รับแจ้ง ก็ไม่พบเหตุผิดปกติใดๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่กองบิน 1 นครราชสีมา และกองทัพภาคที่ 2 ก็ยืนยันว่า ในเวลาดังกล่าวไม่มีการนำเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ขึ้นทำการ บินแต่อย่างไร
เช่นเดียวกับประชาชนในพื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ที่ต่างตื่นตระหนกกับลูกไฟดังกล่าว ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสมชาติ วิเศษการ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 219 หมู่ 5 บ้านพุพง ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีอาชีพหาของป่า เล่าถึงสิ่งที่เห็นว่า ขณะที่กำลังจะออกเดินทางไปหาของป่าขาย จู่ๆได้ยินเสียงดังตูม ดังสนั่นหวั่นไหวจนพื้นดินสะเทือน จึงแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เจอเป็นวัตถุสีขาวไฟลุก ท่วมพุ่งตกลงมายังพื้นดินด้านหลังภูเขา และได้ยินเสียงระเบิดอีก 2 ครั้ง พร้อมทั้งมีควันไฟพุ่งโชยขึ้นมาด้านหลังภูเขา ตนยังไม่ได้เดินทางไปดูเนื่องจากข้ามหลังภูเขาไปนั้นพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค การจะเดินข้ามภูเขาไปนั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องเดินเท้านานกว่า 5-6 ชม.
ต่อมา นายวันชัย โอสุคนธ์ทิพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาประมาณ 08.30 น. วันที่ 7 ก.ย. ประชาชนใน 3 อำเภอ ของจังหวัดกาญจนบุรี คือ อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอศรีสวัสดิ์ ได้ยินเสียงดังจำนวน 2 ครั้ง และพบเห็นกลุ่มควันตกลงมาจากบนอากาศ จากการพิสูจน์ทราบพบว่า มีกลุ่มควันในพื้นที่ตำบลวังกระแจะและตำบลบ้องตี้ อ.ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่เดินเท้าได้เข้าไปสำรวจยังจุดที่มีกลุ่มควันดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อกับเขตหมู่ที่ 5 หมู่ที่ 8 ของตำบลวังกระแจะ และหมู่ที่ 4 ของตำบลบ้องตี้ เบื้องต้นประสานกับการบินพลเรือนและหน่วยดูแลบังคับการบินต่างๆ ทราบว่าไม่มีอากาศยานใดที่หลุดจากจอเรดาร์และมีเหตุการณ์ใหญ่ เกิดขึ้น จึงเชื่อได้ว่าไม่ใช่อากาศยาน แต่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัตถุอื่นที่ตกลงมาในชั้นบรรยากาศของ โลก อย่างไรก็ดี ขอฝากถึงประชาชนให้รอฟังความชัดเจน เพราะหากมีการส่งข่าวกันแบบปากต่อปากจะทำให้เกิดการตระหนกตกใจ
จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มกระจ่างเมื่อนายศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อธิบายถึงลูกไฟดังกล่าวว่า จากหลักฐานที่ปรากฏทั้งภาพถ่ายและ คลิปวีดิโอที่ประชาชนบันทึกไว้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นลูกไฟ (Fireball) ที่เกิดจากอุกกาบาตขนาดเล็กผ่านเข้ามาในชั้นบรรยากาศโลก ด้วยความเร็วสูงมาก เสียดสีจนเกิดความร้อนจนลุกไหม้ เห็นเป็นลูกไฟและมีควันขาวที่เห็นเป็นทางยาว มีความสว่างมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับมวลของวัตถุนั้นๆ
นายศรัณย์กล่าวต่อว่า จากภาพวีดิโอที่ประชาชน บันทึกไว้พบข้อสังเกตหลายอย่าง เช่น ภาพคลิปจาก จ.กาญจนบุรี และนนทบุรี ตำแหน่งทั้งสองห่างกันประมาณ 100 กิโลเมตร แต่สามารถมองเห็นแสงวาบได้พร้อมกัน แสดงว่าจุดกำเนิดของแสงวาบดังกล่าวอยู่สูงจากพื้นดินค่อนข้าง มาก ตามปกติวัตถุที่เข้ามาในชั้นบรรยากาศโลกจะเสียดสีและเกิดการลุก ไหม้ ที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ส่วนเสียงที่ได้ยินนั้นอาจเกิดจากคลื่นกระแทกจึงทำให้เกิดเสียง ดัง เนื่องจากวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เร็วกว่าเสียง ส่วนจะตกบริเวณใดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด
รอง ผอ.สดร.กล่าวอีกว่า วัตถุที่สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ มีอยู่หลายชนิด เช่น ดาวเคราะห์น้อยที่มักเข้ามาใกล้โลกเสมอๆ เศษซากดาวเทียมที่หมดอายุการใช้งานและถูกปล่อยทิ้งไว้ในวง โคจร อาจถูกแรงดึงดูดของโลกดึงกลับมาในชั้นบรรยากาศ เหตุการณ์นี้นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะเห็นได้ในเวลากลางวัน กลางกรุงเทพฯ และเห็นได้ในหลายพื้นที่ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจเพราะโอกาสที่จะเกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินนั้นมีความเป็นไปได้น้อยมาก ในแต่ละวันจะมีอุกกาบาตตกลงมาบนพื้นโลกเป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปจะเห็นลักษณะคล้ายดาวตก ในทางดาราศาสตร์ถือเป็นเรื่องปกติและสามารถอธิบายได้ ส่วนที่หลายคนคาดเดากันว่าดาวเทียมพุ่งชนโลกนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะลูกไฟเคลื่อนที่จากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ไปยังตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งจะต่างจากวงโคจรของดาวเทียมจะเคลื่อนจากทิศตะวันตกไปยัง ทิศตะวันออกตามทิศทางการหมุนของโลก
ด้านนายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) กล่าวไปในทางเดียวกันว่า วัตถุที่ตกลงมาจากท้องฟ้านั้น น่าจะเป็นวัตถุที่มาจากนอกโลกมากกว่าเครื่องบิน หรือโดรน โดยน่าจะเป็นอุกกาบาตที่มีขนาด 1,000 กิโลกรัมขึ้นไป และกว่าจะตกลงมาถึงพื้นโลกก็น่าจะเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ เกือบหมดแล้ว เมื่อตกลงมาอาจจะเหลือเป็นหินก้อนเล็กๆ เท่านั้น หากจะออกตามหาเข้าใจว่าโอกาสเจอคงจะน้อยมาก
เช่นเดียวกับนายเจษฎา เด่นดวงบริพัทธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าจากคลิปวีดิโอจากพื้นที่ต่างๆ ตั้งแต่กรุงเทพฯ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี ไปจนถึง จ.กาญจนบุรี สามารถเห็นเหตุการณ์ลูกไฟกลมๆ ค่อนข้างใหญ่พุ่งตกลงมาจากท้องฟ้า และระเบิดในชั้นบรรยากาศ ก่อนที่ลูกไฟจะตกหายไปเหลือควันสีขาวเป็นทางยาวได้เหมือน กันหมด ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเป็นกรณีของดาวตก อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ ประเทศไทยเคยเกิดขึ้นหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ที่บ้านเนินสะอาด ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ดังนั้นไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก หรือมองเป็นเรื่องความเชื่อเร้นลับ
ส่วน น.ส.ประพีร์ วิราพร นายกสมาคมดาราศาสตร์ไทย กล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่า จากที่รวบรวมข้อมูลจากคลิปวีดิโอ ลักษณะที่ปรากฏเห็นพุ่งเป็นทางยาวและมีความเร็วสูง เป็นไปได้มากว่าเกิดจากดาวหางหรือดาวเคราะห์น้อยสะเก็ดดาว แล้วถูกแรงดึงดูดของโลกดึงเข้ามาในชั้นบรรยากาศ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าเป็นดาวตก เดิมส่วนใหญ่จะเห็นในเวลากลางคืน แต่ครั้งนี้เป็นสะเก็ดดาวขนาดใหญ่ที่ถูกเผาไหม้จนเห็นได้ใน เวลากลางวัน เรียกได้ว่าเป็นดาวตกระเบิด และหากพบชิ้นส่วนก็เรียกชิ้นส่วนนั้นว่าอุกกาบาต จึงถือเป็นความโชคดีของคนไทยที่ได้ชมปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่หาชมได้ยาก และสาเหตุที่เห็นได้หลายจังหวัด เนื่องจากดาวตกอยู่สูงจากพื้นโลกราว 50-100 กม.
อย่างไรก็ดี ในมุมมองทางโหราศาสตร์ต่อปรากฏการณ์อุกกาบาตตกครั้งนี้ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหร คสช.กล่าวว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เป็นความบังเอิญมากกว่า ไม่ได้เป็นลางร้ายหรืออาเพศอะไร ส่วนการไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้อย่างที่ตนทำนายไว้ ตั้งแต่ปี 57 เมื่อมีการรัฐประหาร ดูโดยนิมิตว่า การตั้งโรดแม็ปครั้งแรกของ คสช.เป็นไปไม่ได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.จะต้องทำหน้าที่นายกฯอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งการไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของความคิดเห็นของผู้คน ต่างกัน แต่ไม่ใช่ว่าความเชื่อโบราณที่ว่าฝนดาวตกจะเกิดอาเพศตนจะตัด ทิ้ง แต่ต้องดูด้วยเหตุด้วยผลด้วย และจากการเล็งจากนิมิตไม่มีเหตุเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง การร่างรัฐธรรมนูญในครั้งที่สองน่าจะสมบูรณ์กว่าที่ผ่านมา ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นความต้องการของประชาชน ทุกอย่างจะเรียบร้อยไม่เกินปี 61 แน่
ด้านนายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดัง กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ตามโหราศาสตร์ไทยไม่ดีอยู่แล้ว ส่วนตนยึดโหราศาสตร์จีนว่าเดือน ก.ย.นี้ จะมีการฟื้นฝอยหาตะเข็บ มีเรื่องจุกจิกวุ่นวายเกิดขึ้น จะมีคลื่นใต้น้ำก่อตัวมาเรื่อยๆ อาจมีข่าวลือทำให้สังคมเกิดความสับสนวุ่นวาย เหมือนคนเมื่อคบคนใหม่ๆก็เอาอกเอาใจ แต่คนเก่าที่อยู่มานานเริ่มตีตัวออกห่าง ไม่ให้ความสำคัญ รัฐบาลก็จะเกิดสภาวะอย่างนั้น คนที่อยู่เก่าจะไม่มั่นใจหรือมีปัญหาที่จะตามมา ดังนั้นจะทำอะไรฟังความรอบข้าง ดูให้ดี อย่าไปเต้นตามกระแสหรือสิ่งที่คนใหม่ๆเสนอเข้ามา จะส่งผลให้มีปัญหาในอนาคตได้ รัฐบาลช่วงนี้ไม่มีอะไร จะห่วงเดือน ต.ค.จะมีระเบิด ปืน ไฟ ขึ้นอีก ฉะนั้นรัฐบาลต้องคุมเกมให้ได้
ขณะที่นายภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวว่า ปรากฏการณ์อุกกาบาตตก ดาวตกหรือผีพุ่งใต้ ทางโหราศาสตร์ถือว่าเป็นเรื่องไม่ค่อยดี มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่บ้านเมืองกำลังผกผัน หรือเกิดปัญหา ถ้ามองในทางที่ดีเปรียบเหมือนเทวดาฟ้าดิน หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เตือนภัย เป็นนิมิตหมายบอกเหตุให้มนุษย์ดำเนินชีวิตหรือดำเนินกิจกรรม หน้าที่การงานอย่างถูกต้องเหมาะสม ในทางการเมืองเปรียบเหมือนการเตือนผู้บริหารประเทศให้ทำหน้าที่ ด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ทุกการกระทำต้องมีความสุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ เพราะบางคนเมื่ออยู่ในอำนาจนานๆ อาจจะไม่ฟังคำเตือนคนอื่น ธรรมชาติและเทวดาฟ้าดินจึงต้องเตือนแทน เพื่อให้มีความสุขุมรอบคอบ จะได้นำพาบ้านเมืองไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ส่วนนายโสรัจจะ นวลอยู่ โหรชื่อดัง กล่าวว่า อุกกาบาตขนาดใหญ่ตกมองเห็นได้ในเมืองไทย จะส่งผลกับเหตุการณ์บ้านเมืองพอสมควร คนโบราณมองเป็นการเตือนว่ากำลังจะเกิดเหตุไม่ดีกับบ้านเมือง เพราะอุกกาบาตขนาดใหญ่ไม่ตกบ่อย การตกในช่วงนี้ยังไปคล้องจองกับดาวใหญ่ที่เป็นดาวร้าย 3 ดวง คือ มฤตยู เสาร์ และราหูขยับเดินเข้ามาเกี่ยวข้องกับดวงเมือง ที่ลัคนาอยู่ในราศีเมษ ดาว 3 ดวงโยงกันเป็นรูปสามเหลี่ยมในลักษณะตั้งรับ ดาวร้ายไม่เคยอยู่ในลักษณะนี้ เมื่ออุกกาบาตตกจะยิ่งเร่งให้เกิดเหตุเร็วขึ้น จึงเตือนให้ระวังภัยธรรมชาติทั้งภัยแล้ง แผ่นดินไหว เศรษฐกิจตก ในทางการเมืองจะเกิดความขัดแย้งได้ง่ายขึ้น จะมีการตอบโต้รุนแรงขึ้น มีการตั้งกลุ่มมากขึ้น คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเหมือนพูดกันคนละเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ถ้าเกิดจะหนักกว่าช่วงอื่น โดยเฉพาะเรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายต่างๆ ต้องรับฟังกันให้มากขึ้น ถ้าไม่มีใครฟังใครบ้านเมืองจะลำบาก และการทำบุญประเทศจะช่วยให้ดีขึ้นได้
Cr.ไทยรัฐ,Synergy | Facebook ,doly news ,Asia21st ,