18 ก.ย. 2558

หมูแฮม ติดคุก 2 ปี 1 เดือน

หมูแฮม ติดคุก 2 ปี 1 เดือน
หมูแฮม ติดคุก 2 ปี 1 เดือน

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลจังหวัดพระโขนง เป็นโจทก์ นายมาโนจน์ หรือธนชรพล โตจวง, น.ส.สังวาล สีหะวงษ์ , น.ส.สุชีรา อินทร์สุวรรณ์ และนางทองดำ หลวงแสง เป็นโจทก์ร่วมที่ 1-4 ร่วมกันฟ้องนายกัณฑ์พิทักษ์ ปัจฉิมสวัสดิ์ หรือ หมูแฮม บุตรชายนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ กับนางสาวิณี ปะการะนัง อดีตนางสาวไทยปี 2527 เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้อันตรายแก่กาย 


ตามโจทก์ฟ้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2550 เวลา 22.50 น. จำเลยใช้ก้อนหินทุบใบหน้านายสถาพร อรุณศิริ พนักงานขับรถโดยสารปรับอากาศ สาย 513 ทะเบียน 12-0939 กรุงเทพมหานคร และขับรถเบนซ์ ทะเบียน ศศ 6699 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนผู้โดยสารที่ยืนบนทางเท้า และนางสายชล หลวงแสง พนักงานการเงิน ขสมก.เสียชีวิต หลังเกิดเหตุรถเมล์ขับปาดหน้ารถของนายกัณฑ์พิทักษ์ให้หยุดบริเวณหน้าป้อม ตำรวจจราจรที่ปากซอยสุขุมวิท 26 แยกอารีย์ แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. 

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2552 ว่า การกระทำของจำเลยไม่น่าเชื่อว่าจำเลยมีสติฟั่นเฟือน ที่อ้างว่ามีอาการเกร็งในขณะเกิดเหตุและตัวเองต้องได้รับการรักษาอาการป่วย จากแพทย์นั้น ศาลเห็นว่าที่จำเลยมีอาการเกร็งเกิดจากความเครียดจากการก่อเหตุเท่านั้น และที่จำเลยอ้างว่าบังคับตัวเองไม่ได้เพราะมีสภาพจิตแปรปรวน จำเลยไม่มีพยานหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ชัดเจน ซึ่งการกระทำของจำเลยเกิดจากนายกัณฑ์เอนก ปัจฉิมสวัสดิ์ บิดาของจำเลยเลี้ยงดูตามใจ จึงก่อเหตุดังกล่าว

จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษฐานฆ่าผู้อื่น จำคุก 10 ปี ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจำคุก 1 เดือน และริบรถยนต์ของกลาง และให้ชำระค่าเสียหายแก่ นางสมจิตร แกล้วกล้า กระเป๋ารถเมล์ ผู้เสียหายที่ 7 จำนวน 1 แสนบาท น.ส.สังวาล โจทก์ร่วมที่ 2 จำนวน 8 แสนบาท น.ส.สุชีรา โจทก์ร่วมที่ 3 จำนวน 79,412 บาท และนางทองดำ หลวงแสง โจทก์ร่วมที่ 4 มารดาของนางสายชล หลวงแสง ผู้เสียชีวิต จำนวน 2,158,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันทำละเมิด วันที่ 4 ก.ค.2550 จนกว่าจะชำระเสร็จ 

ส่วนผู้เสียหายอื่นรวม 7 ราย จำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายจนเป็นเป็นที่พอใจแล้ว ขณะที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นในขณะไม่สามารถบังคับตนเองได้ เพราะมีจิตบกพร่องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 228 ประกอบมาตรา 65 วรรค 2 เห็นควรให้จำคุกจำเลย 3 ปี และเมื่อจำเลยได้บรรเทาผลร้าย โดยชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้บาดเจ็บ 3 ราย จนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีแพ่ง และคดีอาญากับจำเลยต่อไป จึงเห็นควรลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อรวมโทษฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น อีก 1 เดือน รวมจำคุกทั้งสิ้นเป็นเวลา 2 ปี 1 เดือน 

เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี โดยให้จำเลย รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนด 2 ปี เพื่อให้เจ้าพนักงานคุมประพฤติได้แนะนำและคอยตักเตือนจำเลยเกี่ยวกับการ รักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง และให้จำเลยไปรักษาความบกพร่องทางจิตเป็นประจำตามที่แพทย์กำหนด โดยให้รายงานผลการรักษาต่อพนักงานคุมประพฤติทุกครั้งตลอดระยะเวลาของการรอลง อาญา 

ต่อมาโจทก์ และะโจทก์ร่วมยืนฎีกา ศาลฎีกา ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ และโจทก์ร่วมฟังขึ้น พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญา 

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายกัณฑ์พิทักษ์ หรือ หมูแฮม ซึ่งวันนี้สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแลคสีดำ มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีอาการเกร็ง หรือแสดงความเครียดออกมาแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัวนายกัณฑ์พิทักษ์ไปรับโทษขังตามคำพิพากษาของศาลฎีกา 

ด้านนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความโจทก์ กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งวันนี้ศาลฎีกาได้พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จากเดิมที่ให้รอลงอาญาไว้ โดยศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีพฤติกรรมที่ไม่ควรรอลงอาญา แต่ยังคงลงโทษน้อยกว่ากฎหมายกำหนดไว้ คือยังคงลงโทษจำเลยเป็น 2 ปี 1 เดือน คดีถึงที่สุดแล้ว เราต้องยอมรับในคำพิพากษาของศาล ไม่ติดใจ ส่วนที่ทำได้ตอนนี้ คือปฏิบัติตามคำพิพากษา สิ่งที่ควรให้อภัยกันได้ เราก็ให้อภัยแล้ว เราทำเต็มที่และทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้ตายและบุตรสาวผู้ตายแล้ว 

ในส่วนค่าเสียหายนั้นจำเลยและบิดาของจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายหมดแล้ว ทั้งในส่วนของน.ส.สุชีรา บุตรผู้ตาย 79,412 บาท และนางทองดำ มารดาผู้ตาย จำนวน 2,158,500 บาท ด้าน น.ส.สุชีรา อินทร์สุวรรณ์ อายุ 33 ปี บุตรสาวผู้ตาย กล่าวว่า " วันนี้รู้สึกภูมิใจ ตนต่อสู้ในคดีนี้มานานมากผ่านความรู้สึกเสียใจ ท้อแท้ สิ้นหวังมาหมดแล้ว ซึ่งวันนี้การต่อสู้ก็มีผลสำเร็จ ดีใจที่ต่อสู้เพื่อแม่สำเร็จ“

Cr.เดลินิวส์,Synergy | Facebook ,เล่าสู่กันฟัง ,e-news ,ไทยรัฐ