เคนจิ โกโตะ นักข่าวผู้กล้าหาญ ชาวญี่ปุ่น |
World Focus วันนี้ ขอไว้อาลัยให้กับ นายเคนจิ โกโตะ นักข่าวญี่ปุ่น ผู้มากประสบการณ์ในสมรภูมิรบทั่วโลก ที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ฆ่าตัดคอรายล่าสุด แต่กรณีของนายเคนจิ โกโตะ ผู้คนในญี่ปุ่นรู้สึกสะเทือนใจมากกว่า เพราะเขาคือนักข่าวที่มีจิตวิญญาณในการนำความจริงในสนามรบมาตีแผ่ให้โลกได้รู้เรื่องราวชีวิตของนักข่าวผู้กล้าชาวญี่ปุ่นคนนี้
นายเคนจิ โกโตะ นักข่าวอาวุโสมากประสบการณ์ชาวญี่ปุ่น วัย 47 ปี ผู้คร่ำหวอดทำข่าวตามพื้นที่เสี่ยงภัยมาทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หรือพื้นที่ห่างไกลในแอฟริกาอย่างเซียร์ราลีโอน ที่บอบช้ำอย่างหนักจากสงครามกลางเมือง สิ่งที่ผลักดันให้เขายอมลงพื้นที่เสี่ยงภัยก็คือความปรารถนาที่จะนำเสนอเรื่องราวชีวิตของผู้เคราะห์ร้าย เด็กๆ และคนยากจน ให้คนทั่วโลกได้รับรู้
นายโกโตะบอกเสมอว่า ผมชอบใกล้ชิดกับผู้คน เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงผู้คนในแบบฉบับของผม และเมื่อได้ใกล้ชิดกับพวกเขา ผมก็มีโอกาสได้พูดคุยกับประชาชน ได้รับฟังความคิดเห็นของพวกเขา ได้รับรู้ความเจ็บปวดและความหวังของพวกเขา ชายผมหางม้าท่าทางเป็นมิตร ผู้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะแบบสบายใจไร้กังวลผู้นี้คือนักข่าวอิสระผู้มากประสบการณ์ และเคยทำงานร่วมกับผู้สร้างภาพยนตร์ และผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง นอกจากนี้สื่อกระแสหลักของญี่ปุ่นยังเคยนำเสนอเรื่องราวของนายเคนจิเป็นบางครั้งด้วย
เมื่อปี 2005 หรือเมื่อ 10 ปีก่อน เขาเคยเขียนหนังสือบอกเล่าเรื่องราวความทุกข์ทรมานของเด็กๆ ในเซียร์ราลีโอนที่มีชื่อว่า "We want Peace Not diamonds" หรือ "สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพไม่ใช่เพชร"
อย่างไรก็ตาม นายโกโตะได้เฝ้าย้ำเตือนเสมอมาว่าเขาไม่ใช่นักข่าวสายสงคราม โดยย้ำว่าเขาชอบนำเสนอเรื่องราวชีวิตคนธรรมดา ซึ่งมักอยู่ห่างจากเขตสู้รบ 1 ก้าว และสิ่งที่เขาทำก็คือ การลงพื้นที่ค่ายผู้ลี้ภัยและเด็กกำพร้า เพื่อเก็บข้อมูลนำเสนอเรื่องราวของเด็กๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรงสภาวะอดอยากและฝันร้าย สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าโกโตะเป็นที่รักใคร่และเป็นคนซื่อสัตย์คือ การที่ประชาชนชาวญี่ปุ่นหลั่งไหลออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยเหลือนายเคนจิทันทีที่ทราบข่าวว่าเขาถูกจับเป็นตัวประกัน
หน้าเพจ FB ซึ่งตั้งขึ้นมาทันที หลังไอเอสแพร่คลิปวิดีโอขู่สังหารเขา มีผู้คนมากด "ถูกใจ" หลายหมื่นคน และมีการโพสต์ภาพผู้คนมากมาย ไม่เพียงที่ญี่ปุ่นเท่านั้น แต่จากทั่วทุกมุมโลกพร้อมใจกันถือป้ายที่มีข้อความว่า "ฉันคือเคนจิ" ทาคุ นิชิมาเอะ ผู้สร้างภาพยนตร์ที่พำนักในนครนิวยอร์ก และเป็นผู้ตั้ง FB ให้นายเคนจิ ระบุว่าโกโตะยังอยู่ในหัวใจของเราทุกคน เมื่อใดก็ตามที่คุณส่งยิ้มให้ผู้คนรอบข้าง แน่นอนว่าคุณต้องสามารถจดจำรอยยิ้มที่โกโตะมอบให้เรา
นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนมากแห่ไปรวมตัวกันที่หน้าทำเนียบนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ พร้อมถือป้ายที่มีข้อความว่า "ปล่อยเคนจิ" หรือ "ฉันคือเคนจิ" คนที่รู้จักนายโกโตะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาเป็นสุภาพบุรุษ และเป็นคนซื่อสัตย์ จุนโกะ อิชิโดะ แม่ของเคนจิ บอกว่า โกโตะก็แค่ออกเดินทางต่อไป สิ่งเดียวที่ฉันหวังตอนนี้คืออยากให้พวกเขาสานต่อภารกิจช่วยเหลือเด็กๆ จากสงครามและความยากจนต่อจากโกโตะ
ทั้งนี้ นายเคนจิ โกโตะ เคยถูกกลุ่มหัวรุนแรงในตะวันออกกลางจับกุมตัวมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ตอนนั้นเขาได้รับการปล่อยตัว เมื่อเขายืนยันกับคนร้ายว่าเขาเป็นผู้สื่อข่าว แต่สำหรับคราวนี้ที่เขาถูกไอเอสจับกุมตัว ไอเอสไม่สนใจว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหน ถ้าตกมาอยู่ในเงื้อมมือของไอเอสก็จะต้องใช้เขาเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ไอเอสต้องการ
ตามคำบอกเล่าของวันโกะ โจโกะ ภรรยาของเขา เล่าว่า โกโตะออกเดินทางไปยังซีเรียเมื่อปลายเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว เพื่อหาทางช่วยชีวิตฮารนะ อูคาวะ เพื่อนของเขา ที่ถูกกลุ่มไอเอสจับเป็นตัวประกันตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว ก่อนจะกลายเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ถูกไอเอสเชือดคออย่างเหี้ยมโหด
ทั้งนี้ นายเคนจิ โกโตะ เดินทางไปยังซีเรีย ภายหลังภรรยาคลอดลูกคนที่ 2 ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น และได้ถ่ายวิดีโอไว้ก่อนออกเดินทาง คำพูดสุดท้ายที่เขาถ่ายไว้ในวิดีโอเพียงไม่นานก่อนออกเดินทางไปยังเมืองรักกา รังใหญ่ของกลุ่มไอเอส โกโตะบอกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผม ผมจะยังรักซีเรียอย่างนั้นตลอดไป
Cr. สำนักข่าวไทย, Sanook News