22 เม.ย. 2558

ฝรั่งชอบไทย ความลับ?



Luke
ฝรั่งชอบ ไม่ชอบ อะไรในประเทศไทย ?
อยากรู้ ความลับไหมครับ ผมไม่ชอบเดินทาง ไม่ชอบลุย ไม่ชอบสมบุกสมบัน ถึงจะไปนอนพักโรงแรมหรูหรา ผมก็ไม่ค่อยอิน ผมชอบอยู่บ้าน ผมชอบนอนเล่นอ่านหนังสือ ถ้าจะออกไปข้างนอก ชอบไปโรงหนังครับ

ถ้าอย่างนั้น เพราะอะไรผมถึงเป็นพิธีกรรายการฝรั่งป๊อกป๊อกถึงสี่ปี เพื่อเดินทางไปทำรายการทั่วประเทศเส้นทางที่จะกลายเป็นพิธีกรเป็นเส้นทางแห่งความบังเอิญ
อยู่ๆ เพื่อนก็บอกว่ามีบริษัทหนึ่งกำลังหาคนเป็นพิธีกร ผมก็คิดในใจว่าน่าจะเป็นงานที่สนุก ตอนไปคุยกับบริษัทโปรดักชัน เขาถามว่าชอบเดินทางหรือเปล่า ผมก็โกหกว่าชอบ หลังจากนั้นไม่นาน เราก็เตรียมออกกอง

คนมักจะคิดว่าการทำงานทีวีเป็นงานไฮโซ เป็นงานที่มีงบเยอะ งานสบาย จะได้เป็นคนดัง เดินห้างจะมีคนขอลายเซ็น ผมจะบอกว่า มันไม่ใช่เลย รายการนี้ทีมงานเริ่มถ่ายทำตั้งแต่นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือรถทัวร์ที่เอกมัย พวกเรานอนกับชาวบ้าน บางครั้งไม่มีนำ้ประปา ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีบท script พวกเราทุ่มสุดตัวกันเต็มที่

สำหรับผมที่ไม่ชอบสมบุกสมบัน ขอยอมรับว่าเป็นงานที่สนุกมาก เป็นประสบการณ์ที่พิเศษมากทำให้เข้าใจประเทศไทยบ้านหลังที่สองของผมมากขึ้น
ชาว ต่างชาติในเมืองไทยหลายๆ คนมีชีวิตในวงโคจรของความคุ้นเคย อย่าง สุขุมวิท สีลม สาทร ข้าวสาร หรือต่างจังหวัดอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่ เป็นเส้นทางที่เดินทางสะดวก ไม่ต้องใช้ภาษาไทย น่าสนุกและน่าสนใจ แต่คนที่เดินแค่เส้นทางนี้จะเข้าใจเมืองไทยแค่นั้น จะเห็นภาพไม่ครบ
คงเป็นความต้องการของเมืองไทยมั้ง ที่ผลักดันให้ฝรั่งคนที่ไม่ชอบเดินทางคนนี้ตัดสินใจแบกเป้แล้วนั่งรถขึ้นเหนือล่องใต้ 

ถ่ายทำรายการ ฝรั่งป๊อกป๊อก


ทริปแรก เราไปสมุทรสงคราม ใกล้ๆ บ้าน ถ้านั่งรถคงใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมง แต่เราอยากได้อารมณ์ลุยๆ ก็เลยนั่งบีทีเอส แล้วรถไฟชั้น 3 แล้วเปลี่ยนไปต่อรถไฟอีก สุดท้ายต่อซาเล้งและเรือจนถึงโฮมสเตย์ แทนที่จะใช้เวลาสองชั่วโมงเราใช้เวลาไปทั้งวัน แม้การเดินทางจะลำบากแต่มันคุ้มมาก โฮมสเตย์นี้คนในแถบนี้เรียก "โฮมกระเตง" ตั้งอยู่กลางทะเล ตอนแรกเป็นส่วนหนึ่งของฟาร์มหอยหลอดแล้วเจ้าของขยายธุรกิจเพื่อจะได้มีราย ได้ตลอดปี ตอนดูแลฟาร์มจะไม่ค่อยมีงานทำช่วงที่หอยกำลังโต 11 เดือนจะต้องเฝ้าเพื่อป้องกันขโมย จากนั้นหนึ่งเดือนจึงเก็บไปขาย ซึ่งจุดที่ใช้นั่งเฝ้าหอย ถูกสร้างให้มีพื้นที่สำหรับนอนพัก และผมก็ได้เป็นคนแขกไปนอนอยู่กลางทะเลใกล้กรุงเทพฯ ด้วย

กลาง ทะเลตอนกลางคืน เป็นโอกาสให้ผมไดเ้เข้าถึงความเงียบ ซึ่งยากที่จะได้ในกรุงเทพฯ ชีวิตในเมืองเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยแสงสีตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ผมลืมธรรมชาติของโลกไปแล้ว ความเงียบจากธรรมชาตินั้นซึมเข้าไปข้างในตัวผม แล้วมันก็ง่ายขึ้นที่จะให้ผมหยุดคิดเรื่องต่างๆ สักพัก

บ้านที่ผมโตมาที่อเมริกาอยู่ที่ภูเขา มีต้นไม้เยอะ แต่คนน้อย ตอนเด็กผมสนุกกับการเดินป่า สนุกกับการนอนเล่นกลางพื้นหญ้า แต่พอโตมา เริ่มรู้สึกว่าอยากเปิดหูเปิดตา ไปที่มีคนเยอะ แหล่งแฟชั่น อาหารจากทั่วโลก มีผู้ชายหน้าตาดีเยอะ อยากไปที่ที่ฮิปๆ และผมก็ได้ไปอยู่เมืองใหญ่ทั่วโลกมาแล้ว ซึ่งแต่ละที่ถ้ายิ่งมีคนเยอะ ก็ยิ่งมีต้นไม้น้อยลง พอผมมาอยู่กรุงเทพฯ เมืองที่แทบจะปราศจากสีเขียว ถึงแม้เป็นเมืองที่ไม่เขียวชอุ่มเหมือนบ้านเกิด แต่ผมรู้สึกว่ากรุงเทพฯ คือบ้าน ... แต่ผมยังต้องขอเข้าป่าเข้าเขาเพื่อไป charge แบตบ้าง

ทริปที่ไปหาคนชาวเขาบนดอยผ้าห่มปก เป็นทริปหน้าหนาว ซึ่งถ้าเทียบกับหน้าหนาวของอเมริกา ดอยผ้าห่มปกก็ไม่ได้ทรมานมาก แต่ที่อเมริกาเรามี heater ดีๆ และบ้านออกแบบมาเพื่อเก็บความอุ่นได้ แต่บนดอยมีแต่ฟืน และถ้าอยากจะเก็บความอุ่นให้ได้ ต้องใส่เสื้อผ้าเยอะ ซึ่งผมก็ใส่หลายชั้น ผมใส่สื้อผ้าซ้อนกันทั้งหมดที่เอาไป แล้วไม่ได้ถอดเลยครับ สามวันที่อยู่บนดอยเป็น 3 วันที่ไม่ได้อาบนำ้ เป็น 3 วันที่ไม่กล้าให้เนื้อโดนน้ำเย็น ผมก็ชั่งน้ำนักระหว่างทรมานเพราะตัวเหม็นหรือทรมานเพราะอาบน้ำหนาวๆ ผมเลือกมีกลิ่นตัวครับ ไม่รู้ว่าทีมงานไม่ได้สังเกตหรือพวกเขาแค่เกรงใจแล้วไม่กล้าบ่น แต่พอลงจากดอย พวกเขารีบเปิดโรงแรมเพื่อให้ผมได้อาบน้ำด่วน

คน บนดอยเป็นชาวเขา พูดภาษาชาวเขากันเอง สามารถพูดภาษาไทยได้บ้างแต่ไม่คล่อง มัคคุเทศก์ของเราเป็นชาวเขาเหมือนกันพูดไทยได้เลยขอให้มาเป็นล่ามให้พวกเรา ผมฟังภาษาเขาไม่ออกเลย แต่จะคอยฟังและพยายามเข้าใจบางคำศัพท์ที่หยิบยืมจากภาษไทยมา ภาษาไทยรับทับศัพท์จากภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ แล้วภาษาชาวเขาก็ทับศัพท์จากภาษาไทยอีกที ซึ่งก็ make sense เพราะภาษาของเขาเก่าแล้วศัพท์จะไม่ค่อยมี

อย่างตอนผมได้ยินเขาพูด “!??@#$%$#$%$#@# รายการ @#$%$#@!@#$” ผมจะเข้าใจว่า กำลังพูดถึงการถ่ายทำรายการ แต่หลังจากนั้นผมได้ยินประมาณว่า “@#$%$#@!@#$ วันจันทร์ วันอังคาร @#$%$#@!@#$” ซึ่งทำให้ผมงง ผมเคยคิดเองว่าทุกภาษาในโลกน่าจะมีคำศัพท์สำหรับวันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ของ แต่ละภาษา แต่พอถามพี่ล่าม เขามองผมเหมือนถามอะไรประหลาด แล้วตอบว่า ภาษาชาวเขาจะใช้กันแค่ “ปีนี้ เดือนหน้า วันหลัง” เพื่อบอกวันเวลา แต่ถ้าต้องเจาะจงกว่านั้นต้องใช้ภาษาไทย 


ทำรายการผ่านไปสักสองปี ทีมงานบอกว่าจะไปถ่ายที่จังหวัดปัตตานี ซึ่งถามว่าผมกลัวไหม ผมกลัว แต่ถ้าถามว่าสนใจไปดูไหม ผมสนมาก ถึงจะออกเดินทางไปหลายที่แล้ว แต่ผมก็ยังเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเดินทาง แต่กลับเริ่มสนุกกับประสบการณ์ที่ได้จากรายการ เริ่มประทับใจมากขึ้นกับทุกซอกทุกมุมของประเทศไทย ... และผมจะได้เห็นคนลุยไฟในเทศกาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นครั้งแรกในชีวิต
ขณะเตรียมออกกองทีมงานบอกว่าเราจะนั่งรถเก๋งลงใต้ บอกว่าเพื่อนตากล้องมีรถคันใหญ่และกำลังลงไปพอดี ให้เราไปเป็นเพื่อนได้ แต่ที่เขาไม่ได้บอกคือแฟนคนขับจะไปด้วย ถึงแม้รถจะใหญ่แต่ก็ใหญ่ไม่พอสำหรับ คนขับ แฟนเขา ทีมงานร่างท้วมสามคน พิธีกรหนึ่งคนและอุปกรณ์เยอะมาก 14 ชั่วโมงที่เราขับลงใต้ครั้งนั้น ทำให้ผมเห็นคุณค่าการฝึกโยคะอย่างชัดเจน ไม่เคยนั่งในที่เล็กขนาดนั้น นานขนาดนั้น ร่วมกับคนเยอะขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าที่คิด พอถึงปัตตานีก็เจอคนท้องถิ่นแสดงความดีใจกันใหญ่ เพราะมีคนแปลกหน้าต่างถิ่นมาเยี่ยมเมืองเขา

เทศกาลเดินลุยไฟ ที่คนต้องเดินลุยไปบนไฟที่สูงขึ้นมาถึงหน้าอก เป็นไฟที่ผมคิดว่า คนที่โดนจะต้องตายแน่ๆ และผมอยู่ใกล้กับเขาขนาดที่สามารถได้กลิ่นขนไหม้ตอนเดินออกมา และใกล้ขนาดที่จะเห็นว่า ไม่มีใครบาดเจ็บเลย

จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่รู้ว่า มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อะไรที่ทำให้เขาไม่ถูกไฟไหม้ หรือเป็นเพราะเขาศรัทธาในเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว แต่ผมว่านั่นไม่สำคัญครับ ผมไม่ได้ไปเพราะอยากพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ไปเพราะอยากเข้าใจคนที่เดินลุยไฟ อยากเข้าใจว่าเมืองปัตตานีที่ทุกคนบอกว่าอันตราย เป็นอย่างไร ผมอยากจะเห็นว่าพี่น้องกลุ่มนี้เป็นอย่างไร

 ตลอดสี่ปีที่พวกเราถ่ายรายการ ฝรั่งป๊อกป๊อก ผมได้เที่ยวทั่วไทย ผมได้นอนบ้านชาวบ้านจากทุกภูมิภาคและได้เห็นว่าประเทศที่เรียกว่าบ้านเป็น อย่างไร ผมได้ประสบการณ์พิเศษที่คนน้อยมากจะได้ แล้วถ้าจะถามว่า ผมเปลี่ยนเป็นคนชอบเดินทางไหม คงต้องตอบว่าไม่ ว่างๆ ยังชอบอยู่บ้าน ชอบชิลๆ แต่ถ้าถามว่ายังอยากกลับไปถ่ายรายการต่อไหม ผมตอบว่า แน่นอนครับ อยากไปทุกจังหวัด อยากได้ยินทุกภาษา อยากเข้าใจประเทศไทยให้มากขึ้นอีกครับ
Cr.Pinicly