แนวโน้มเทคโนโลยีไอที ทีจะเกินขึ้นเร็ว ๆ นี้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ ครอบคลุม 3 หัวเรื่องใหญ่คือ
1.การหลอมรวมกันของโลกจริงและโลกเสมือน
2.การมาถึงของความเฉลียวฉลาดที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
3.ผลกระทบทางเทคโนโลยีของการเคลื่อนสู่ธุรกิจดิจิตอล
มีแนวโน้มเทคโนโลยีไอที อะไรบ้างที่จะเกิดขึ้น
1. Computing Everywhere แม้
ว่าอุปกรณ์พกพาจะยังคงพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง Gartner
พยากรณ์ว่าต่อจากนี้จะมุ่งเน้นที่การตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่มี
ความหลากหลายทั้งด้านเนื้อหาและสภาพแวดล้อมรอบตัวเรามากกว่า
2. The Internet of Things ข้อมูล ที่พรั่งพรูจากอุปกรณ์ดิจิตอลจะก่อให้เกิดการใช้งาน 4 รูปแบบคือ การบริหารจัดการ การคิดค่าใช้จ่าย การควบคุม และ การขยายผล ซึ่งรูปแบบการใช้งานทั้ง 4 จะประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตได้ 4-5 ชนิด คือ สินทรัพย์ บริการ บุคคล สถานที่ และ ระบบ เชื่อมโยงข้อมูลด้วยอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตต่าง ๆ สะดวกสบาย เช่น WiFi พกพา
3. 3D Printing
คาดกันว่ายอดจำหน่ายเครื่องพิมพ์ 3
มิติซึ่งมีราคาย่อมเยาว์จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2015
ก่อให้เกิดขยายการใช้งานไปตามอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ อย่างรวดเร็ว เช่น
ชีวการแพทย์ การทำสินค้าต้นแบบ และ การผลิดปริมาณน้อยๆ
4. Advanced, Pervasive and Invisible Analytics การ
วิเคราะห์เชิงลึกหรือ Analytics
จะได้เป็นพระเอกเนื่องด้วยมีการผลิตข้อมูลจากระบบต่างๆ
ทั้งที่อยู่ภายในและภายนอกองค์กรเพิ่มขึ้นเป็นปริมาณมหาศาล
องค์กรจะต้องสามารถบริหารจัดการและกลั่นกรองข้อมูลให้ได้เป็นผลลัพธ์ที่เป็น
ประโยชน์จริงๆ กับแต่บุคคล
5. Context-Rich Systems ระบบ
ที่ปราดเปรื่องรอบรู้ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะและการวิเคราะห์เชิงลึก
จะเป็นระบบที่สามารถแจ้งเตือนไปยังสิ่งต่างๆ รอบๆ
ตัวและสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม
6. Smart Machines จักร
กลอันชาญฉลาด เช่น รถยนต์ไร้คนขับ หุ่นยนต์ล้ำสมัย ผู้ช่วยเสมือน
จะถูกพัฒนาต่อยอดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่ยุคของผู้ช่วยที่เป็นจักรกล
จักรกลอันชาญฉลาดจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไอทีไปอย่างสิ้นเชิง
7. Cloud/Client Computing การ
ผนวกเข้ากันของการประมวลผลคลาวด์กับอุปกรณ์พกพาจะกระตุ้นการเติบโตของ
ซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่ประสานงานจากส่วนกลาง Cloud
เป็นการประมวลผลสมัยใหม่ที่สามารถขยับขยายได้และเป็นบริการด้วยตนเอง
ต่อไปซอฟต์แวร์ทั้งที่ใช้ภายในและภายนอกองค์กรจะใช้การประมวลผลสมัยใหม่นี้
8. Software-Defined Applications and Infrastructure การ
ใช้ชุดคำสั่งโปรแกรมมิ่งไปกำหนด infrastructure ต่างๆ เช่น network,
storage, data center และความปลอดภัย
จะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อองค์กรเพื่อให้มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
ดิจิตอล
ธุรกิจดิจิตอลมักมีการเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการอย่างรวดเร็วจึงจะต้องมี
การขยับขยายเพิ่ม หรือ ลด ขนาดของระบบอย่างรวดเร็วด้วย
9. Web-Scale IT เป็น
การประมวลผลทั่วโลกที่อาศัยขีดความสามารถของผู้ให้บริการ cloud ขนาดใหญ่
จะมีองค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่ิอยๆ ที่ได้เริ่มคิด ลงมือ
และสร้างซอฟต์แวร์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์อย่าง Facebook
10. Risk-Based Security and Self-Protection แม้
ว่าถนนดิจิตอลแห่งอนาคตทุกๆ สายจะมุ่งสู่ประเด็นความปลอดภัย
แต่ในโลกของธุรกิจดิจิตอลประเด็นความปลอดภัยก็ไม่อาจเป็นสิ่งกีดขวางที่จะ
หยุดยั้งความก้าวหน้าได้ องค์กรจะรับรู้ว่าไม่มีระบบอะไรที่จะปลอดภัย 100 %
เมื่อองค์กรยอมรับเช่นนี้แล้วก็จะประเมินความเสี่ยงเข้มข้นขึ้นและเพิ่ม
เครื่องมือในป้องกันความปลอดภัยมากขึ้น
Cr.Whitespace,Gartner,Synergy | Facebook