20 เม.ย. 2559

วิธี ประหยัด แบตมือถือ แอนดรอยด์


วิธี ประหยัด แบตมือถือ แอนดรอยด์
วิธี ประหยัด แบตมือถือ แอนดรอยด์
ถ้าหากคุณกำลังใช้มือถือ แอนดรอยด์ ( Android) อยู่ คุณสามารถประหยัดแบตเตอรี่ทั้งแบตมือถือและแบตเตอรี่สำรอง(Power Bank)ไปได้ ยืดอายุการใช้งานให้ มือถือ แอนดรอยด์ ( Android) กับวิธีประหยัด แบตมือถือแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ ด้วยวิธีง่าย ๆ 14 วิธี

 1. Bluetooth ไม่ใช้ปิดซะ บ่อยครั้งที่สังเกตเห็นผู้ใช้มือถือ แอนดรอยด์ หลายรายที่เปิดคุณสมบัติการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ไว้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ใช้หูฟังไร้สายหรือโอนไฟล์แบบไร้สาย ทางที่ดีปิด Bluetooth (off) โดยแตะที่ widget บนหน้าโฮมซะเดี๋ยวนี้ จะช่วยประหยัด แบตมือถือ ได้นานขึ้นอีกนิด

2. เลิกใช้ Wireless Network ระบุตำแหน่ง แม้การระบุตำแหน่ง (My Location) ด้วยเครือข่ายไร้สายจะใช้แบตมือถือน้อย กว่า GPS (Global Positioning System) แต่ถ้าเปิดทั้งคู่ รับรองได้เลยว่าแบตเตอรี่คุณจะหมดเร็วอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลย โดยเลือกเมนู Settings/Location/Use wireless networks สามารถประหยัดแบตเตอรี่ทั้งแบตมือถือและแบตเตอรี่สำรอง(Power Bank)

3.GPS จอมเขมือบแบตมือถือ แม้จะเป็นคุณสมบัติการทำงานที่พูดถึงเป็นอันดับที่ 3 แต่ความจริงแล้วมันเป็นฟังก์ชันที่กินไฟจากแบตมือถือแบบ ไม่บันยะบันยังเลยทีเดียว โดยเฉพาะเวลาที่ตัวเครื่องสื่อสารสัญญาณกับดาวเทียม ดังนั้นคุณควรจะเลือกเปิดใช้งานเฉพาะในยามจำเป็นเท่านั้นถ้าให้ดีควรสังเกต บริเวณ notification bar ว่ามีไอคอน GPS โผล่ขึ้นมาหรือไม่?

4. เปิด WiFi ไว้ตลอด หรือปิดดี? หลังจากผ่านมา 4 ข้อ คุณอาจจะคิดว่า ปิดมันซะทุกอย่างอย่างนี้ ปิดเครื่องเลยดีกว่าไหม? ความจริงไม่ถึงขั้นนั้นสำหรับกรณีที่คุณทำงานอยู่ใกล้บริเวณที่มีสัญญาณ WLAN ตลอดเวลา เช่นในบ้านหรือสำนักงาน การเปิด WiFi ให้ทำงานตลอดเวลาน่าจะเหมาะกว่าการเชื่อมต่อผ่าน 3G เนื่องจากการใช้คลื่นวิทยุ WiFi จะกินไฟจากแบตมือถือน้อยกว่าการติดต่อเครือข่าย 3G มาก

และ เมื่อเปิด WiFi ก็ควรจะปิด 3G ซะ สำหรับการตั้งค่าให้ WiFi เปิดทำงานตลอดเวลา (always) แตะที่ Settings/Wireless networks/WiFi Settings จากนั้นแตะที่ปุ่ม Menu ตามด้วย Advanced แตะที่ WiFi Sleep policy แล้วเลือกออปชั่น Never และในกรณีที่คุณไม่ได้อยู่ใกล้บริเวณที่มีสัญญาณ WiFi ก็ปิดมันซะ (widget ที่ homescreen) จะได้ประหยัด แบตมือถือและเหลือแบตฯไว้ใช้นานๆ

5.ประหยัดแบตมือถือและแบตเตอรี่สำรอง(Power Bank) ด้วยการยกเลิก Always-On Mobile Data ปกติที่ดีฟอลท์ตัวเลือก Always-On Mobile Data ของ Android Phone จะถูกตั้งให้เปิด (On)  สำหรับการยกเลิกตัวเลือก Always-On Mobile Data สามารถทำได้โดยแตะที่ Settings/Wireless & Networks/Mobile networks/Enable always-on mobile data

6. ตั้งค่าเวลาดับหน้าจอ (Screen Timeout) ให้เร็วขึ้น วิธีง่ายๆ ในการยืดอายุแบตมือถือและ แบตเตอรี่สำรอง(Power Bank)ของอุปกรณ์ Android ให้ใช้งานได้นานขึ้นที่นำมาฝากกันนี้ ก็คือการลดระยะเวลาดับหน้าจอให้สั้นขึ้นซึ่งมันจะช่วยประหยัด แบตมือถือได้ พอสมควรทีเดียว ขั้นตอนการตั้งเวลาปิดหน้าจอให้แตะ Settings เลือก Screen & display และ Screen timeout กำหนดเป็น 30 วินาที ก็เป็นอันเรียบร้อย

7.ลดความสว่างของหน้าจอ (Screen Brightness)  เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าหน้าจอแสดงผลของ มือถือ แอนดรอยด์ เป็นผู้บริโภคพลังแบตเตอรี่ตัวพ่อเหมือนกัน ดังนั้นการปรับแสงสว่างของหน้าจอ ด้วยการเลือกเป็น Automatic Brightness โดยแตะที่ Settings/Screen & display/Brightness แต่ถ้ามือถือ แอนดรอยด์ ของคุณไม่มีออปชั่นนี้ แนะนำให้ตั้งค่าความสว่างประมาณ 30% แล้วดูว่าคุณรับได้ไหม? แล้วค่อยๆ ปรับอีกที

8.เลิก ใช้วอลล์เปเปอร์ดิ้นได้ (Live Wallpaper) Android ใช้ลูกเล่นของการแสดงผลวอลล์เปเปอร์ด้วยภาพเคลื่อนไหวในการสร้างความตื่นตา ตื่่นใจให้กับผู้บริโภค จะเรียกว่า gimmick ก็ได้ แต่ในความเป็นจริงก็คือมันใช้พลังงานจากแบตมือถือมากกว่าแบคกราวด์ที่เป็นภาพนิ่งเพราะฉะนั้นหากไม่มีความจำเป็นแล้วล่ะก็แนะนำให้เลือกใช้วอลเปเปอร์เป็นภาพนิ่ง หรือสีเรียบๆ ดีกว่า

9. ถ้ามือถือ แอนดรอยด์ เป็นจอ AMOLED เลือกใช้วอลล์เปเปอร์สีดำ สำหรับคุณผู้อ่านที่เป็นเจ้าของมือถือ แอนดรอยด์ Samsung Galaxy S ที่มาพร้อมกับจอ AMOLED การเลือกใช้แบคดราวด์มึดๆ หรือสีดำจะช่วยประหยัด แบตมือถือได้ เมื่อพิกเซลของจอแสดงผลชนิดนี้ปิดตัวลงก็จะให้สีดำทีมึดสนิทดังนั้นการเลือก แบคกราวด์เป็นสีดำ หรือมึดๆ ก็จะช่วยลดการใช้พลังงานให้กับแต่ละพิกเซลของจอแสดงผล AMOLED ได้นั่นเอง

10. ใช้ Power Widget เปิด/ปิดฟังก์ชันที่กินไฟแบตมือถือ แนะนำให้ติดตั้ง Power Widget ไว้บนหน้าจอใดหน้าจอหนึ่งซึ่งข้้นตอนในการติดตั้งให้แตะ Widget แล้วเลือก Power Control เพื่อเพิ่มเข้าไปใหน้าจอ มือถือ แอนดรอยด์ ของคุณ เพียงแค่นี้เวลาที่คุณต้องการเปิด/ปิดการใช้งานอย่างเช่น GPS, Wireless, Bluetooth หรือความสว่างของหน้าจอ (Screen Brightness) ก็เพียงแค่แตะที่ Widget ตัวนี้ คุณก็จะเห็นสวิทช์เปิดปิดฟังก์ชันเหล่านีขึ้นมาเสนอหน้าทันทีซึ่งจะเร็ว และสะดวกกว่าการคลิกเข้าไปทีละหน้าจอกว่าจะถึงข้อกำหนด (Settings) นั้นๆ

11. แอพฯสตรีมมิ่งตัวสวาปามแบตเตอรี่แถมแบตเตอรี่สำรอง(Power Bank)อาจจจะไม่พอใช้ แอพพลิเคชันประเภทที่ต้องมีการสตรีมหรือดาวน์โหลดข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต อย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นแอพฯที่สตรีมเพลง หรือวิดีโอจากเน็ต ซึ่งทำให้มือถือ แอนดรอยด์ ของคุณจะต้องเชื่อมต่อเน็ตไร้สาย (WiFi, หรือ 3G) ตลอดเวลาเพื่อโหลดข้อมูลทั้ง audio และ video ในกรณีที่มีแบตเตอรี่เหลืออยู่ไม่มากและจำเป็นต้องใช้งาน แนะนำอย่างรัน app เหล่านี้ คอนเฟิร์มว่ากินไฟแบตมือถือค่อนข้างหนักทุกตัว

12. การทำงานของมือถือ แอนดรอยด์ ส่วนไหนกินแบตมือถือ มากน้อยเท่าไร…รู้ได้โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้จากคุณสมบัติการทำงานที่มา พร้อมกับ Android ซึ่งมันสามารถบอกคุณได้อย่างค่อนข้างแม่นยำว่า ชิ้นส่วนการทำงานหลักๆ ของมือถือ แอนดรอยด์แต่ละส่วนใช้พลังานแบตมือถือเท่าไร? ตลอดจนแอพฯที่ใช้งานขณะนั้นคุณสมารถเข้าไปดูรายละเอียดดังกล่าวได้ที่ Settings/About phone/Battery/Battery use

13. ยกเลิก Widget ที่ไม่ค่อยใช้งานออกจากหน้าโฮม หลายคนชื่นชอบการใส่ Widget บนหน้า homecreen ของมือถือ แอนดรอยด์ โดยหารู้ไหมว่า Widget เหล่านี้มักจะมีการดึงข้อมูลจากเว็บซึ่งนั่นหมายความว่ามือถือ แอนดรอยด์ของคุณจะต้องมีการดึงข้อมูลเข้ามาแสดงผลในส่วนของการทำงานด้านหลัง (background) ตลอดเวลา คล้ายๆ กับแอพฯพวกสตรีมมิ่ง แต่อาจจะกินไฟแบตมือถือน้อย กว่า แต่ถ้าเกิดคุณติด Widget บนหน้าโฮมไว้หลายๆ ตัวล่ะ แน่นอนว่าแบตเตอรี่ของคุณจะถูกผลาญโดย Widget เหล่านี้ ข้อแนะนำคือ Widget ใดไม่ค่อยได้ใช้ ก็เอาออกไปดีกว่า เปลืองแบตมือถือเปล่าๆ

14. ใช้ Task Manager สอดส่องว่า แอพฯ อะไรที่ทำงานแทบตลอดเวลา สำหรับทิปในตอนสุดท้ายนี้จะมุ่งเน้นที่การตามล่าหาต้นตอตัวสวาปามแบตฯ เพื่อกำจัดหรือจัดการมันซะ การติดตั้งแอพฯอย่างเช่น  Advanced Task Cleaner น่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดี เพราะนอกจากจะให้คุณได้ตรวจสอบแล้ว มันยังปิดบริการที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในขณะนั้นออกไปได้อีกด้วย โดยเฉพาะบริการที่มีการโหลดซ้ำหลายครั้ง และทำงานอยู่ในแบคกราวด์ซึ่งคุณสามารถตั้งให้ auto-kill แอพฯที่คุณไม่ได้ใช้บ่อยโดยอาจจะตั้งให้มันกำจัดแอพฯเหล่านี้หลังปิดหน้าจอ เป็นต้น

นอกจากนี้แล้ว ความร้อนทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตมือถือหมดเร็ว นั่นก็คือการวางมือถือ แอนดรอยด์ หรือที่ชาร์ตแบตสำรอง(Power Bank)ของคุณไว้ภายใต้แสงอาทิตย์ ทีมีความร้อน ดังนั้นทางที่ดีควรการเก็บมือถือ แอนดรอยด์ ไว้ในที่ไม่ร้อนจะดีที่สุด และไม่ควรให้มันทิ้งมันไว้กลางแจ้งแสงแดดจัดเพราะจะยิ่งเร่งให้แบตมือถือของคุณหมดเร็วยิ่งขึ้น เราเตือนท่านแล้ว อิอิ

Cr.ข่าวสาร AIS