19 ธ.ค. 2562

9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน

9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน
9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน

9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน



ปัญหาการล้อเลียนชื่อพ่อแม่ การเรียกชื่อสมมติหรือปมด้อยของเพื่อน การไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มเล่น หรือทำกิจกรรมด้วยกัน และการตบหัวหรือการชกต่อยกัน ซึ้งการรังแก กลั่นแกล้งในโรงเรียน หรือที่เดียวนี้เรียกกันติดปากว่าบูลลี่ในโรงเรียน ได้กลายมาเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นในสังคมไทย เมื่อเร็วๆ นี้ กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ได้จัดกิจกรรมเพื่ออบรมให้ความรู้ แก่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู ที่โรงเรียนทอสี ในหัวข้อ “คำพูดสร้างสรรค์ สร้างสังคมน่าอยู่ ไม่บูลลี่ในเด็ก(การรังแก กลั่นแกล้งในโรงเรียน)” จึงขอแนะนำ 9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดนบูลลี่ในโรงเรียน

1.ทำความเข้าใจว่าบูลลี่ในโรงเรียนคืออะไร
แท้จริงแล้วบูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งคือ นิสัยที่เรียนรู้และเลียนแบบมาจากการเห็นหรือได้ยิน เช่น การพบเจอปัญหาคนในครอบครัวทะเลาะกัน หรือพบเจอคนในชุมชนด่าทอกันด้วยคำพูดหยาบคายทุกวัน จนมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ผู้กระทำบางราย อาจจะเป็นบุคคลที่ขาดความมั่นใจในตนเอง อิจฉาริษยาผู้อื่น รวมถึงผู้กระทำบางรายอาจจะเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน การทำความใจว่าการกลั่นแกล้งคืออะไร คือสิ่งสำคัญ ที่ทำให้เราเข้าใจปัญหาของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำมากขึ้น

2.กล้าที่จะพูดหรือแสดงความไม่พอใจต่อผู้กระทำ
การแสดงออกหรือการพูดสื่อสารออกมาว่าผู้ถูกกระทำนั้นไม่พอใจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้กระทำมีแนวโน้มที่จะบูลลี่ในโรงเรียนลดน้อยลง หรือหยุดการกลั่นแกล้นั้นๆ ลงได้ เนื่องจากผู้กระทำได้รับการตระหนักรู้ ถึงความรู้สึกของผู้ถูกกระทำว่า “ไม่พอใจ” และ “เสียใจ” ตลอดจนรับรู้ว่าการกระทำของตนนั้นสร้างผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำอย่างไรบ้าง หลายครั้งที่ปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนหรือกลั่นแกล้งเกิดขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาอย่างยาวนาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ถูกกระทำ ไม่กล้าที่จะพูด หรือแสดงความไม่พอใจออกมา ทำให้ผู้กระทำไม่รับรู้ว่า ผู้ถูกกระทำนั้นมีความรู้สึกอย่างไร จึงกระทำการกลั่นแกล้งซ้ำๆ เพราะมองว่าบูลลี่ในโรงเรียนเป็นเรื่องที่สามารถทำได้

3.บอกพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือครู เมื่อถูกบูลลี่ในโรงเรียน
สิ่งสำคัญมาก ที่ต้องสอนเด็ก และลูกหลานของเรา “ไม่ให้เงียบ”  “เพิกเฉย” หรือ “ทนต่อสถานการณ์บูลลี่ในโรงเรียนที่เกิดขึ้น” และกล้าที่จะบอกเล่าปัญหาของตนกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูที่โรงเรียน เพราะปัญหาการถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู ต้องปรึกษาหารือกัน เพื่อหาวิธีการรับมือบูลลี่ในโรงเรียน และหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน ปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน เกิดจากการที่ผู้ถูกกระทำ ไม่ได้บอกเล่าเรื่องถูกกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ในโรงเรียนให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทราบ จึงทำให้ปัญหาการกลั่นแกล้งยังคงเกิดขึ้น และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด

4.การบูลลี่ในโรงเรียนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แจ้งความได้
การกลั่นแกล้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากว่าผู้ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้งทางร่างกาย หรือทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดด่าทอเชื้อชาติ หรือเพศสภาพ ใช้กำลังและความรุนแรงรังแกผู้อื่น หรือแม้แต่การแชร์เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นในอินเทอร์เน็ต ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น หากว่ามีการพบเจอบูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งที่รุนแรงเช่นนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูสามารถรายงานเรื่องบูลลี่ในโรงเรียนนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

5.อย่ามองตัวเองเป็นปัญหา
การมีอัตลักษณ์ที่ต่างจากผู้อื่น เช่น เพศสภาพ เชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา ที่ต่างจากผู้อื่น ไม่ใช่ปัญหาของผู้ถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะทัศนคติของผู้กระทำต่อผู้อื่นต่างหาก สิ่งที่สำคัญคือเราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก หากลูกของคุณเป็นผู้ถูกบูลลี่ในโรงเรียน จงสอนเขาว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และมันไม่ใช่ปัญหาของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวผู้กระทำเองทั้งสิ้น

6.หาวิธีจัดการความเครียด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งสามารถสร้างความเครียดให้แก้ผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก นอกจากการบอกเล่าปัญหาต่อผู้ที่ไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อแม่ หรือครูแล้ว ควรลองมองหากิจกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ เช่น การออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือออกไปเที่ยว เพื่อจัดการกับความเครียดของตนเอง และทำให้สภาพจิตใจไม่หมกมุ่นต่อบูลลี่ในโรงเรียนที่เกิดขึ้น

7.อย่าแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว
เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครองและครู ที่จะคอยสอดส่อง ดูแล พฤติกรรม อารมณ์ของเด็กๆ และบุตรหลาน ไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเงียบหรือปลีกตัวมาอยู่คนเดียว การอยู่คนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหา หรือทำให้เราจัดการกับบูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ การอยู่คนเดียวเงียบๆ จะทำให้ลดความมั่นใจ และความภาคภูมิใจของผู้ถูกกระทำได้

8.ดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี
สุขภาพกายและใจคือสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจ บูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งนั้นสามารถสร้างบาดแผลและปมในใจให้กับผู้ถูกกระทำ ซึ่งสามารถส่งผลต่อสภาพร่างกาย เช่น การอดอาหาร เครียดจนนอนไม่หลับ เป็นต้น หากบุตรหลานของท่านได้รับการกลั่นแกล้งที่กระทบต่อสภาพร่างกาย และจิตใจ ควรพาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและจิตวิทยา เพื่อช่วยให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาได้อย่างดีและตรงจุด

9.มองหาบุคคลต้นแบบที่ดี
บูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้ง ทำให้ผู้ถูกกระทำสับสนและไม่ชอบในตัวเอง หากว่าผู้ถูกกระทำมีบุคคลต้นแบบที่ดี จะสามารถทำให้เห็นได้ว่า มีอีกหลายคนที่เคยพบเจอกับปัญหาเดียวกัน แต่พวกเขาก็สามารถก้าวข้ามผ่านการโดนกลั่นแกล้งจนสามารถประสบความสำเร็จได้ การมีบุคคลต้นแบบที่ดีนั้น จะทำให้ผู้ถูกกระทำ มองเห็นคุณค่าของตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น

Cr.The Bangkok Insight,Kapook,

17 ธ.ค. 2562

สปสช เพิ่มและขยายการให้บริการแก่ประชาชน ปี 2563


สปสช เพิ่มและขยายการให้บริการแก่ประชาชน ปี 2563
สปสช เพิ่มและขยายการให้บริการแก่ประชาชน ปี 2563


สปสช เพิ่มและขยายการให้บริการแก่ประชาชน ปี 2563


สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จับมือภาคีฯ รุกโครงการรู้เท่าทันเท่ากับการป้องกันโรคไม่ติดต่อ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาส พระบาทสมเด็จพระวชิร เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 67 พรรษา สปสช.ร่วมกับ สวทช. และ ธ.ก.ส. พัฒนา เครื่องวัดความดัน อัจฉริยะ ตามโครงการเฉลิมพระเกียรติ เพื่อรู้เท่าทันเท่ากับการป้องกันโรคไม่ติดต่อ มีแผนติดตั้ง เครื่องวัดความดัน ใน 10 สาขา ธ.ก.ส.ให้บริการประชาชน

สปสช เพิ่มสิทธิประโยชน์ 6 รายการ
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มสิทธิประโยชน์ดูแลประชาชน ให้ครอบคลุมการดูแลสุขภาพประชาชน โดยมีอย่างน้อย 6 รายการใหญ่ ประกอบด้วย
1.ขยายสิทธิประโยชน์การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตในกลุ่มผู้บริจาคที่ไม่ใช่ญาติ
2.นำร่องการตรวจคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์ในหญิงตั้งครรภ์ทุกอายุ
3.เพิ่มรายการผ่าตัดแบบวันเดียวกลับบ้าน อีก 12 รายการ (รวมเป็น 24 รายการ)
4.เพิ่มการใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ จ (2) 4 รายการ ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ มะเร็งไทรอยด์ เส้นประสาทที่เกิดจากการทำลายปลอกไมอีลินชนิดเรื้อรังและผู้ป่วยเอดส์ที่ดื้อยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐาน
5.ขยายบริการตรวจคัดกรองยีนเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดผื่นแพ้ยาชนิดรุนแรง สำหรับผู้ป่วยที่ต้องเริ่มรักษาด้วยยาคาร์บามาซีปีน (carbamazepine) ในทุกกรณี 6.นำร่องบริการป้องกันการติดเชื้อก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวีในทุกกลุ่มเสี่ยงสูง

สปสช เพิ่มงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 63
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ปรับเพิ่มงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 63 ประชาชนผู้มีสิทธิ 48.26 ล้านคน หัวละ 3,600 บาทต่อประชากร เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 173 บาท นอกจากนี้ในปี 63 เพิ่มยาป้องกันติดเชื้อเอชไอวีก่อนสัมผัสเชื้อ ดูแลกลุ่มเสี่ยงสูง นำร่องหน่วยบริการ 51 แห่งใน 21 จังหวัด ดูแลกลุ่มเสี่ยงทุกกลุ่ม ทุกสิทธิการรักษา 2,000 ราย พร้อมติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

บริการรับยาใกล้บ้าน ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพิ่มบริการรับยาใกล้บ้านแทนการมารับยาที่โรงพยาบาล ลดความแออัดในโรงพยาบาล และอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยได้ใช้บริการรับยาใกล้บ้าน โดยตั้งเป้าปี 2563 มีโรงพยาบาลเข้าร่วม 50 แห่ง และร้านยา 500 แห่ง ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรค...เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หอบหืด จิตเวช และกลุ่มโรคอื่นๆตามการพิจารณา

หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ในเวทีโลก
ในเวทีโลก ไทยต้นแบบศึกษาเรียนรู้ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตอกย้ำแม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ทุกวันนี้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งประกอบด้วยระบบบัตรทอง ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ กลับสามารถครอบคลุมผู้ที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยมากถึง 99.6% หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไทย ที่เน้นย้ำและการเข้าถึงความเท่าเทียมกัน ประสิทธิภาพการให้บริการ และหลักการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นหัวใจของความสำเร็จในเวทีระดับโลกได้

สปสช ขยายการครอบคุมการดูแลพระภิกษุสงฆ์
พระภิกษุสงฆ์...สามเณร และกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพ ที่เราต้องการขยายสิทธิให้ครอบคลุมสิทธิหลักประกันสุขภาพ ตัวเลขล่าสุดพบว่ามีพระภิกษุสงฆ์-สามเณร เข้าถึงสิทธิบัตรทองแล้ว 134,982 รูป จาก 144,883 รูป และมีผู้ต้องขังกว่า 329,024 ราย ที่ได้รับสิทธิบัตรทอง และเข้าถึงการบริการสุขภาพที่จำเป็นเพิ่มขึ้นอย่างมาก

โครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อคนกรุง
โดยในปี 2562 สปสช เดินหน้าสร้างเสริมสุขภาพคนกรุงมีโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพื่อคนกรุงโดยเฉพาะอย่างน้อย 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคลินิกผู้สูงอายุครบวงจรในโรงพยาบาล โครงการคัดกรองสุขภาพแรงงานนอกระบบในผู้ขับขี่รถสาธารณะ โครงการร้านยาชุมชนอบอุ่นและโครงการหน่วยบริการร่วมให้บริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกัน จำนวนประชากรว่ามีราว 5 ล้านคน แต่ในความเป็นจริงยังมีประชากรแฝงอีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน นั่นทำให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 13 เขต กทม.ต้องทำงานเข้มข้น

Cr.ไทยรัฐ

16 ธ.ค. 2562

รางวัล วิจัยแก้ผมร่วงจากพันธุกรรม แห่งเอเชีย โดย แพทย์หญิงชาวไทย

รางวัล วิจัยแก้ผมร่วงจากพันธุกรรม แห่งเอเชีย โดย แพทย์หญิงชาวไทย
รางวัล วิจัยแก้ผมร่วงจากพันธุกรรม แห่งเอเชีย โดย แพทย์หญิงชาวไทย

รางวัล วิจัยแก้ผมร่วงจากพันธุกรรม แห่งเอเชีย โดย แพทย์หญิงชาวไทย


แพทย์หญิงไทยคนแรกคว้ารางวัล Platinum Follicle Award 2019 ของสมาคม ISHRS ในการประชุม World Congress Meeting ครั้งที่ 27 จัดขึ้นที่ กรุงเทพ เมื่อวันที่  13 -16 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา รศ.ดร.พญ.รัชต์ธร ปัญจประทีป ผู้ที่มีความสามารถและมีผลงานวิจัยด้านการดูแลสุขภาพเส้นผมนานาชาติ อาจารย์ประจำ สาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นแพทย์หญิงไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลสูงสุดสำหรับผู้ที่มีความสามารถและมีผลงานงานวิจัยด้านเส้นผม

รางวัล Platinum Follicle Award 2019 
สำหรับรางวัล Platinum Follicle Award 2019  จากสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติหรือ (ISHRS) นั้นเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับผู้ที่มีความสามารถและมีผลงานวิจัยด้านการดูแลสุขภาพ ที่มีความสำเร็จที่โดดเด่นในการวิจัยพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์หรือทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับพยาธิสรีรวิทยาของเส้นผมหรือกายวิภาคศาสตร์เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูเส้นผม ส่วนสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติหรือ (ISHRS) นั่นก่อตั้งขึ้นในปี 1993 โดยเป็นสมาคมศัลยกรรมปลูกผมที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยสมาชิกกว่า 1,000 คนจากกว่า 70 ประเทศ

รศ.ดร.พญ.รัชต์ธร ปัญจประทีป ผู้ที่มีอายุน้อยสุด
รศ.ดร.พญ.รัชต์ธร ปัญจประทีป กล่าวว่า รางวัลเป็นเพียงสิ่งตอบแทนอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการทำงานวิจัยแต่ความรู้ที่ได้ต่างหาก คือ สิ่งสำคัญที่ได้ทำสำหรับโรคผิวหนังแล้ว คนส่วนใหญ่มักจะมองดูแต่เพียงผิวเผิน คิดว่ามีแต่ความสวยงาม แต่แท้จริงแล้วยังมีโรคผิวหนังอื่น ๆ อีกมากมาย และโดยส่วนตัวก็ชอบเรียนเรื่องผมมาตั้งนานแล้ว หลังจากเรียนศัลยศาสตร์เลเซอร์ผิวหนังจบ จึงสนใจมาเรียนทางด้านปลูกผมต่อ และปัจจุบันก็ทำงานด้านนี้ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ของเวลาทำงานทั้งหมด และยังเป็นผู้ที่มีอายุน้อยสุดของผู้ที่เคยได้รับรางวัลดังกล่าว

งานวิจัยชิ้นแรกในเอเชีย
ก่อนหน้านี้  รศ.ดร.พญ.รัชต์ธร ปัญจประทีป ได้สร้างชื่อเสียงให้กับวงการแพทย์ไทยจากผลงานวิจัยในงาน ISHRS Poster Awards 2017 ที่จัดโดยสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery) เช่นกัน เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้ส่งบทความพิเศษเพื่อการนำเสนองานวิจัย (ประเภทโปสเตอร์) ในหัวข้อวิจัย "Proteomic Analysis in Dermal Papilla from Male Androgenetic Alopecia After Treatment with Low Level Laser Therapy"  และสามารถคว้ารางวัลที่ 1 ในประเภทงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในรูปแบบของโปสเตอร์ ซึ่งเป็นงานวิจัยชิ้นแรกในเอเชีย

การใช้เลเซอร์กระตุ้นหนังศีรษะสร้างเส้นผม
หัวข้อวิจัย "Proteomic Analysis in Dermal Papilla from Male Androgenetic Alopecia After Treatment with Low Level Laser Therapy" นั่น เป็นการวิจัยเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของกระบวนการรักษาด้วยเลเซอร์ความเข้มต่ำ เพื่อขจัดปัญหาโรคผมร่วงที่เกิดจากพันธุกรรม ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าการใช้เลเซอร์ที่มีความเข้มต่ำในการกระตุ้นให้หนังศีรษะสร้างเส้นผมนั้น ให้ผลดีที่ 24 สัปดาห์ โดยความสำเร็จงานวิจัยครั้งนั้นถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของการศึกษาในประเทศไทย

Cr.กรุงเทพธุรกิจ

ทำ บัตรประชาชน Smart Card ด่วน ได้ที่ไหนบ้าง


ทำ บัตรประชาชน Smart Card ด่วน ได้ที่ไหนบ้าง

ทำ บัตรประชาชน Smart Card ด่วน ได้ที่ไหนบ้าง


จากข่าวที่มีออกมาว่า ตั้งแต่ปี 2562 การติดต่อกับหน่วยงานราชการ เราสามารถใช้บัตรประชาชนแบบ Smart Card เพียงใบเดียวในการยืนยันตัวตนกับหน่วยงานราชการผ่าน เครื่องอ่านบัตรประชาชน แทนการขอสำเนาบัตรประชาชน ทำให้เราเกิดความสงสัยว่า ในบัตรประชาชนแบบ Smart Card ของเรามีข้อมูลทะเบียนราษฎร์อะไรเก็บไว้บ้าง และบัตรประชาชนของเราสามารถนำไปติดต่อเพื่อขอรับบริการจากภาครัฐได้ในเรื่องใดบ้าง เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน

ข้อมูล บัตรประชาชน ไมโครชิป
บัตรประชาชนแบบ Smart Card ทีมีไมโครชิปฝั่งอยู่บนบัตรนั้น มีข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของเจ้าของบัตร สามารถอ่านข้อมูลทะเบียนราษฎรเหล่านี้เพียงเสียบบัตรแล้วอ่านด้วยเครื่องอ่านบัตรประชาชน ข้อมูลทะเบียนราษฎรดังกล่าวได้แก่ วัน เดือน ปีเกิด,สถานที่อยู่ และ ข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ที่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของบัตรเพื่อเปิดเผยข้อมูล เช่น การเปลี่ยนชื่อนามสกุล,ชื่อสถานรักษาพยาบาลตามสิทธิการรักษา,การเกณฑ์ทหาร,ประวัติการศึกษา,ทะเบียนสมรส,ทะเบียนหย่า ฯลฯ ที่กรมการปกครองบันทึกไว้ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถทำบัตรประชาชนรุ่นใหม่แบบ Smart Card ได้จากทุกเขตทั่วไทย

กทม. เปิด 11 จุดบริการด่วนมหานคร
หากประชาชนต้องการทำบัตรประชาชนใหม่ ตอนนี้ทางกรุงเทพฯ อำนวยความสะดวกไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่เขต ปัจจุบัน กทม. เปิด 11 จุดบริการด่วนมหานคร (Bangkok Express Service) ขึ้นตามนโยบายขยายงานบริการงานทะเบียนราษฎรของ กทม. โดยพัฒนาระบบการให้บริการและเพิ่มจุดบริการกระจายไปยังห้างสรรพสินค้าและสถานีรถไฟฟ้า เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการเข้ารับบริการของประชาชน

ทำบัตรประชาชน ณ สถานีรถไฟฟ้า & ห้างสรรพสินค้า
จุดบริการด่วนมหานคร (Bangkok Express Service) จุดให้บริการนอกสำนักงานเขตของกรุเทพมหานค เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. ของทุกวันโดยไม่เว้นวันหยุดราชการ ให้บริการทำบัตรครั้งแรก หรือต่ออายุบัตรเท่านั้น หากบัตรประชาชนสูญหาย ต้องติดต่อทำใหม่ที่สำนักงานเขตเท่านั้น ณ ตอนนี้มีเปิดให้บริการแนวรถไฟฟ้าและในห้างสรรพสินค้าบางแห่ง จำนวน 11 จุดบริการดังนี้
1.สถานีรถไฟฟ้าสยาม
2.สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์
3.สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต
4.สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข
5.สถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่
6.ห้างสรรพสินค้าพาราไดซ์ พาร์ค เขตประเวศ
7.ห้างสรรพสินค้าซีคอนบางแค
8.ศูนย์การค้าแฟชั่นไอซ์แลนด์
9.ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง
10.ศูนย์บริการร่วม (G-Point) ห้างสรรพสินค้าเซ็น
11.ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์บางแค

กทม.ขยายความสะดวกใกล้รถไฟฟ้า
จุดบริการด่วนมหานคร ถือเป็นช่องทางอำนวยความสะดวกสบายสำหรับทำ บัตรประชาชนแบบ Smart Card ตลอดจนประหยัดเวลาในการเดินทางแก่ประชาชน เปิดให้บริการทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ จุดบริการด่วนบนแนวสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดที่สยามที่แรกเมื่อ 20 ก.ค.49 และทะยอยเปิดบริการตามแนวรถไฟฟ้า จากจุดหมอชิต พร้อมพงษ์มาเรื่อยๆ ขยายบริการไปที่ห้างสรรพสินค้า ประชาชนสามารถทำบัตรประชาชนแบบไมโครชิปทั้ง 11 จุดได้ตามสะดวก

Cr.ไทยรัฐ,SpringNews,LineToday,Undubzapp

เก้า สุภัสสรา เผยความรู้สึกในวันที่ละครลาจอ

เก้า สุภัสสรา เผยความรู้สึกในวันที่ละครลาจอ
เก้า สุภัสสรา เผยความรู้สึกในวันที่ละครลาจอ


เก้า สุภัสสรา เผยความรู้สึกในวันที่ละครลาจอ


“เก้า สุภัสสรา ธนชาต” ขึ้นแท่นเป็นนางเอกละครหลังข่าวเต็มตัวเป็นเรื่องแรก ในละคร “เขาวานให้หนูเป็นสายลับ” เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สำหรับนางเอกสาว  เพราะด้วยบทบาท“ส้วม” และการแสดงที่ทำเอาคนดูติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง “เขาวานให้หนูเป็นสายลับ” เผยความรู้สึกในวันที่ละครลาจอ  ขอบคุณพี่จ๋าเชื่อใจในตัวหนู หนูอยากเล่นบทแบบนี้มานานแล้ว ครบรสมากๆ ชอบเล่นคอมเมดี้มากๆ ละครเรื่องนี้คือละครที่ได้ปลดปล่อยมาก

เก้า สุภัสสรา ขอบคุณพี่จ๋า ผู้จัดละคร ช่อง 3
หลังจากละครลาจอ เก้า สุภัสสรา โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมว่า “ถึงละครเรื่องเขาวานให้หนูเป็นสายลับ: ก่อนอื่นขอขอบคุณพี่จ๋ามากๆนะคะ พี่จ๋าคือคนที่ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่าง พี่จ๋าใส่ใจพวกเรา นักแสดง ทีมงานทุกคน พี่จ๋าไม่ค่อยแสดงออก แต่เรารับรู้ได้เสมอ เราเห็นความใส่ใจของพี่จ๋าในการเขียนบท การตัด การใส่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในละคร หนูอยากบอกว่าพี่เก่งมากๆเลยนะคะ อยากทำงานเก่งให้ได้แบบพี่เลย ขอบคุณจริงๆที่ให้โอกาสหนูในการรับบทเป็น ส้วม

พี่เหมี่ยว ผกก.ละคร ช่อง 3 ที่น่ารัก
ขอบคุณพี่เหมี่ยว ผกก.ที่น่ารัก แสนต๊อง แสนเกรี้ยวกราดของหนู พี่เหมี่ยวมีพลัง มีเอนเนอจี้ทุกวัน หนูไม่เคยเห็นพี่เหมี่ยวหาวเลยค่ะ วันไหนที่หนูพลังน้อย พี่เหมี่ยวจะเดินเข้ามาคุยเล่นด้วย และพูดถึงการแสดง พี่เหมี่ยวอาจจะไม่รู้ว่ามันเติมพลังให้หนูในหลายๆครั้ง เห็นพี่เหมี่ยวที่ขยันมีพลังทุกวัน ทำให้หนูลุกขึ้นสู้และมีกำลังใจ ขอบคุณที่บทดีๆแบบนี้ได้เจอกับพี่เหมี่ยว ผกก.สุดกวนของหนู มันขยี้และดีมากๆ

แสดงความเสียใจ พี่กอล์ฟ ละคร เขาวานให้หนูเป็นสายลับ
ขอบคุณพี่เอกพี่แน๊ปพี่อ้อยพี่แป้น ทุกคนน่ารักกับหนูมากๆ ขอบคุณพี่กอล์ฟนะคะ พี่กอล์ฟเสียไปตั้งแต่แรกๆที่เราเปิดกล้องไม่นาน พี่กอล์ฟเป็นคนเก่ง พวกเราคิดถึงพี่นะคะ ตอนนี้ละครสมบูรณ์แล้ว พี่ไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ หนูอยากให้พี่มาดูความสมบูรณ์ของละครเรื่องนี้ด้วยกันจัง พวกเราคิดถึงพี่เสมอค่ะ ขอบคุณพี่เก๋ผู้ช่วยพี่หมวย ผู้คอยจับหนูเปลี่ยนชุดและดูแลหนูอย่างดี น่ารัก ในเวลาหนูงอแง

ดาราคู่จิ้น ดนุรุจกับส้วม (เกรท วรินทร-เก้า สุภัสสรา) ที่ลงตัว
ขอบคุณพี่เกรท พระเอกเสียงสองของหนู พี่เกรทเป็นพี่ที่น่ารัก ไม่เคยโกรธ ไม่เคยงอน (รึเปล่า) หนูรู้สึกปลอดภัยที่ได้เล่นกับพี่เกรท และเราสนิทกันจนทำให้เรื่องราว ดนุรุจกับส้วม สมูทขนาดนี้ ขอบคุณคนเขียนบททุกคน บทเกลี่ยให้นักแสดงทุกคนมีบทบาทที่น่าจดจำ อย่างที่เคยบอกว่าขาดใครไปไม่ได้จริงๆค่ะ ขอบคุณพีอา พี่เมย์ คนดี ลำไยคนเดิม อัพเดททุกสถานการณ์ ทำงานเก่งมาก ชั้นรักเธอแม้เธอจะบอกว่า ปลอมก็ตามที

จากใจหนูส้วม ละคร เขาวานให้หนูเป็นสายลับ
ละครโรแมนติกคอมเมดี้อิหยังวะ 555 ละคร เขาวานให้หนูเป็นสายลับ  จากใจหนูส้วม ขอขอบคุณทุกอย่างในค่ายนี้ในกองนี้ อบอุ่นยันวันปิดกล้อง อาจจะพูดถึงไม่หมด แต่ทุกคนสำคัญจริงๆกับเรื่องนี้ค่ะ ลาจอแล้ว อยากบอกว่าชั้นจะคิดถึงเธอตลอดไปนะส้วม เธอเก่งมากแล้วนะ บ๊ายบายนะ จากใจหนูส้วม ใน ละคร เขาวานให้หนูเป็นสายลับ

Cr.ดาราเดลี่,ReviewsPooH,คมชัดลึก

13 ธ.ค. 2562

Tim Cook ซีอีโอ Apple เยือนไทย ไหว้สักการะ วัดอรุณ

Tim Cook ซีอีโอ Apple เยือนไทย ไหว้สักการะ วัดอรุณ
Tim Cook ซีอีโอ Apple เยือนไทย ไหว้สักการะ วัดอรุณ

Tim Cook ซีอีโอ Apple เยือนไทย ไหว้สักการะ วัดอรุณ


ทำเอาหลายคนเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เมื่อล่าสุด (13 ธันวาคม 2562) ทิม คุก (Tim Cook) CEO ของ แอปเปิล (Apple) ได้โพสต์ภาพขณะเดินทางมาเมืองไทย ในโอกาสนี้ โจ จีรศักดิ์ ยังได้พาซีอีโอของ Apple ล่องเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเที่ยวชมความสวยงามของวัดอรุณ


ทิม คุก (Tim Cook) ได้เดินทางไปยังวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร โดยมี โจ จีรศักดิ์ พานเพียรศิลป์ (IG: joez19) ช่างภาพเจ้าของผลงานภาพถ่ายที่เคยได้รับเลือกลงใน Instagram ของ Apple เป็นคนนำเที่ยว ก่อนจะเดินทางไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเมืองไทยอีกมากมาย อาทิ การไปเยี่ยมเด็ก ๆ ที่ รร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ "Everyone Can Create" ในการเรียนวิทยาศาสตร์ ไปร่วมยินดีกับทีมนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่ได้เหรียญทองซีเกมส์ 2019 และดูการใช้ Apple Watch และ iPad ในการฝึกซ้อม เป็นต้น


ก่อนหน้าจะมาไทย Tim Cook ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Tim Cook ได้เดินทางไปยังญี่ปุ่น โดยมีภารกิจหลายอย่างเช่นเยี่ยมชมโรงงาน Seiko Advance ที่ทำสีของ iPhone 11 Pro และพบปะกับนักพัฒนาแอพชาวญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็ไปสิงคโปร์ โดยหนึ่งในภารกิจคือเยี่ยมชมกิจการของ Singapore Airlines ที่นำ iPad มาใช้ในห้องนักบิน และในไทยมีรายงานว่า Tim Cook เดินทางไปเยี่ยมชม Apple Store สาขา Iconsiam ของไทยด้วย


Cr.Flashfly,Kapook

12 ธ.ค. 2562

เครื่องอ่านบัตรประชาชน

เครื่องอ่านบัตรประชาชน


เครื่องอ่านบัตรประชาชน


          รุ่นเสียบบัตรแนวนอน กระทัดรัด พกพาสะดวก เหมาะสำหรับอ่านบัตรประชาชนเพื่อดึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง เป็นทีนิยมของหน่วยงานราชการ และเอกชนนำไปใช้ตรวจสอบประวัติ นอกจากนี้ยังสามารถอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดที่หน่วยงานต่างๆ เช่น บัตรเครดิต,บัตรเงินสด,บัตร ATM,บัตร Aeon,บัตรพนักงาน,บัตรนักศึกษา,บัตรเจ้าหน้าที ฯลฯ เป็นต้น สินค้าคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานสากลจาก CE  FCC และ RoHS

คุณสมบัติ
  • เหมาะสำหรับธนาคาร,ไปรษณีย์ไทย,กรมการปกครอง,หน่วยงานราชการ,หน่วยงานทหาร และบริษัทต่าง ๆ
  • อ่านบัตรสมาร์ทการ์ดต่างๆ เช่น บัตรประชาชน,บัตรเครดิต,บัตรเงินสด,บัตร ATM,บัตร Aeon,บัตรพนักงาน,บัตรนิสิตนักศึกษา ฯลฯ และ บัตรซิมการ์ดมือถือ
  • รองรับการใช้งานโปรแกรมทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง  และ โปรแกรมอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจต่างๆ และ บริษัทเอกชน
  • ใช้งานง่าย เพียงเชื่อมต่อเข้าเครืองคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB แล้วลงโปรแกรมทะเบียนราษฎร์ หรือโปรแกรมอ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ที่คุณใช้งานอยู่ เท่านี้ก็อ่านข้อมูลในบัตรได้แล้ว
  • ระบบปฎิบัติการ Windows (32/64bit) XP/Vista/ 7/8/10 และ Mac OS X
  • อ่านบัตรสมาร์ทการ์ดแบบสัมผัส แรงดันไฟฟ้า 5V, 3V และ 1.8V ได้
  • รองรับบัตรประชาชนและบัตรสมาร์ทการ์ด มาตรฐาน ISO 7816 Class A,B,C
  • เครื่องอ่านบัตรประชาชน ได้รับรองมาตรฐานสากลจาก  ISO-7816 & EMV2 2000 Level 1, CE, FCC, VCCI, CCID, Microsoft WHQL ฯลฯ
  • ขนาด :  กว้าง 65 มม. x ยาว 84 มม.  x  สูง 20 มม
  • สาย USB ยาว 940 มม
    

สินค้า 1 ชุดประกอบด้วย
  • เครื่องอ่านบัตรประชาชน รุ่น SCR1
  • ถาดใส่ซิมการ์ด
  • คู่มือการใช้งาน
หมายเหตุ : โปรแกรมอ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ลูกค้าเป็นผู้จัดหามาเอง
วิธีใช้
  1. เชื่อมต่อ เครื่องอ่านบัตรประชาชน เข้ากับเครื่องคอมฯ ผ่านช่อง USB ไฟแดงที่เครืองติดสักครู่แล้วดับลง
  2. ติดตั้งโปรแกรมอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดที่คุณใช้งาน จากนั้นเปิดโปรแกรมอ่านบัตรสมาร์ทการ์ด
  3. นำบัตรสมาร์ทการ์ด(หงายบัตร)เสียบเข้ากับเครื่องอ่านบัตรประชาชน ตามลูกศร ไฟแดงติดที่เครืองฯ อีกครั้ง สถานะพร้อมใช้งาน
  4. กดปุ่มอ่านบัตรสมาร์ทการ์ดบนโปรแกรม ข้อมูลในบัตรสมาร์ทการ์ดจะถูกแสดงบนโปรแกรมที่คุณเปิดไว้ 

สั่งซื้อสินค้าได้ในราคา 450 บาท รวมภาษีแล้ว ฟรี่ค่าจัดส่งสินค้า EMS ทั่วประเทศ
ดูสินค้ารุ่นอื่นเพิ่มเติม >> เครื่องอ่านบัตรประชาชน

ศุกร์ 13 หลอน!จากอวกาศ ฟักทองฮาโลวีน

ศุกร์ 13 หลอน!จากอวกาศ ฟักทองฮาโลวีน
ศุกร์ 13 หลอน!จากอวกาศ ฟักทองฮาโลวีน


ศุกร์ 13 หลอน!จากอวกาศ ฟักทองฮาโลวีน




สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงเรื่องราวในอวกาศเนื่องในวันศุกร์ที่ตรงกับวันที่ 13 (ตามเรื่องราวความเชื่อของคนฝั่งตะวันตก) พอดิบพอดี ด้วยภาพที่คล้ายกับฟักทองฮาโลวีนจากกล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์ นักวิจัยใช้ข้อมูลภาพถ่ายอินฟราเรดสามความยาวคลื่นประกอบเป็นภาพหลากสีของเนบิวลา สีเขียวและสีแดง แสดงถึงเมฆฝุ่นที่มีอุณหภูมิต่างกัน สีน้ำเงิน แสดงถึงดาวฤกษ์เกิดใหม่และเมฆฝุ่นร้อนในเนบิวลา เมื่อนำภาพทั้งสามมารวมกัน สีแดงจากฝุ่นจะปรากฏเด่นชัดที่สุด ส่วนพื้นที่สีขาวแสดงถึงวัตถุที่สว่างในทั้งสามช่วงคลื่น มีลักษณะเหมือนฟักทองฮาโลวีน ศุกร์ 13


ศุกร์ 13 กล้องอวกาศสปิตเซอร์ พบ ฟักทองฮาโลวีน

จากการศึกษาข้อมูลภาพถ่ายในช่วงคลื่นอินฟราเรดของกล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์ระหว่างพ.ศ. 2547-2552 นักวิจัยพบดาวฤกษ์มวลมากกว่า 15-20 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ปรากฏเป็นจุดสีขาวภายในเนบิวลา การแผ่รังสีของดาวฤกษ์มวลสูงนี้พัดกลุ่มแก๊สและเมฆฝุ่นแยกออกจนเกิดเป็นร่องลึกดังภาพ “กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ (Spitzer Space Telescope) เผยภาพกลุ่มแก๊สและเมฆฝุ่นในช่วงคลื่นอินฟราเรด ลักษณะคล้ายตะเกียงฟักทองแจ็คโอแลนเทิร์น (Jack-o'Lantern) ฟักทองฮาโลวีน วันฮาโลวีน ศุกร์ 13 นี้


กาแล็กซีทางช้างเผือก ฟักทองฮาโลวีน

วารสาร Astrophysical ตีพิมพ์ผลการศึกษาบริเวณรอบนอกของกาแล็กซีทางช้างเผือกผ่านรังสีอินฟราเรด เพื่อนับจำนวนดาวฤกษ์เกิดใหม่ ระบุว่า ดาวฤกษ์เกิดใหม่ยังคงเกาะกลุ่มในเมฆฝุ่นหนาแน่น เมื่อวิเคราะห์ร่วมกับการกระจายตัวของดาวอายุมากในพื้นที่ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้นักวิจัยตรวจสอบได้ว่า อัตราการก่อตัวของดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ในพื้นที่รอบนอกของกาแล็กซีแตกต่างจากภายในกาแล็กซีทางช้างเผือกหรือไม่ แต่บางคนตีความว่ามันคล้ายกับฟักทองฮาโลวีน ของ ศุกร์ 13 นี้


ความเชื่อเรือง ศุกร์ 13

นักวิจัยทราบดีว่า พื้นที่นอกกาแล็กซีมีสภาพต่างจากในกาแล็กซีเล็กน้อย เช่น กลุ่มแก๊สและเมฆฝุ่นรอบนอกจะเย็นและกระจายตัวมากกว่าบริเวณใกล้ใจกลางกาแล็กซี จึงอาจมีอัตราการก่อตัวของดาวฤกษ์น้อย นอกจากนี้กลุ่มแก๊สและเมฆฝุ่นยังมีองค์ประกอบทางเคมีพวกธาตุหนัก รวมถึงคาร์บอน ออกซิเจน และโมเลกุลอื่นๆ สำหรับสิ่งมีชีวิตในปริมาณน้อย ท้ายที่สุด การศึกษานี้อาจบ่งชี้ได้ว่า มีโอกาสจะพบดาวเคราะห์ลักษณะคล้ายโลกที่บริเวณรอบนอกกาแล็กซีหรือในกาแล็กซีทางช้างเผือกมากกว่ากัน ถึงแม้นว่ารูปทรงมีความคล้ายฟักทองฮาโลวีน วันฮาโลวีน ศุกร์ 13 นี้ แต่ก็เป็นแค่ความเชื่อของบางคนเท่านั้น


Cr. กฤษดา รุจิรานุกูล - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร.

11 ธ.ค. 2562

แจ้งปิดการจราจรเส้นทางต่าง ๆ 12 ธ.ค. พระราชพิธีบรมราชาภิเษกทางชลมารค


แจ้งปิดการจราจรเส้นทางต่าง ๆ 12 ธ.ค. พระราชพิธีบรมราชาภิเษกทางชลมารค


ตั้งแต่เวลา 15.30 – 17.00 น. เมื่อขบวนเรือพระราชพิธี ถึงท่าราชวรดิฐ จะเปิดเส้นทางให้ประชาชนใช้ตามปกติ และมีการปิดการจราจรในถนนที่ขบวนราบผ่าน ดังนี้

ถนนราชินี ใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถึง แยกผ่านพิภพ
ถนนหน้าพระธาตุตลอดสาย
ถนนจันทร์ตลอดสาย
ถนนหน้าพระลานตลอดสาย
ถนนมหาราชตลอดสาย (ท่าพระจันทร์ ถึง สน. พระราชวัง)
ถนนท้ายวังตลอดสาย
ถนนราชดำเนินในตลอดสาย (แยกผ่านพิภพ – แยกป้อมเผด็จ)
ถนนสนามไชย (แยกป้อมเผด็จ – วงเวียน รด.)

การจัดการเดินรถทางเดียว

ถนนสวรรคโลก (ตั้งแต่แยกยมราช – แยกสาวนีย์)
ถนนจักรพงษ์ – ขวา ถนนเจ้าฟ้า – ขวาถนนพระอาทิตย์ – ถนนพระสุเมรุ)
สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ 1197 ตลอด 24 ชั่วโมง

ปิดการจราจรทางน้ำ


งดใช้ท่าเรือสะพานพระราม 7 ชั่วคราว เวลา 01.00 น. ถึง 19.30 น.หรือจนกว่าจะแล้วเสร็จ

ปิดการจราจรทั้งขาขึ้นและขาล่อง เฉพาะเรือขนาดใหญ่ (เรือที่มาจากทิศเหนือและทิศใต้) เวลา 06.00 น. ถึง 19.30 น.

ปิดการจราจรทางน้ำขั้นเด็ดขาด ตั้งแต่สะพานกรุงธนบุรี – หอประชุมกองทัพเรือรวมทั้งปากคลองบางกอกน้อย ถึง บริเวณวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร เวลา 12.00 น. ถึง 19.30 น.

ปิดการจราจรทางน้ำขั้นเด็ดขาด ตั้งแต่สะพานกรุงธนบุรี ถึงสะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ เวลา 06.00 น. ถึง 19.00 น. หรือจนกว่าจะแล้วเสร็จ

Cr.The Tiger

23 ก.ค. 2562

เพิ่มกล้ามเนื้อ กินโปรตีน จำเป็นไหม ?

เพิ่มกล้ามเนื้อ กินโปรตีน จำเป็นไหม ?

เพิ่มกล้ามเนื้อ กินโปรตีน จำเป็นไหม ?


เมื่อพูดถึงเทรนการออกกำลังกาย ดูเหมือนว่าจะมีเป้าหมายอยู่เพียง 2 อย่าง อย่างแรกออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก กรณีที่สอง ออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ โดยกลุ่มที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อมักจะพิถีพิถันในการกินอาหารเป็นพิเศษเพื่อให้มีซิกแพค เน้นการกินอาหารประเภทโปรตีนสูงไขมันต่ำ และที่ได้รับความนิยมสูงก็ไม่พ้น เวย์โปรตีนสำเร็จรูป แต่ถ้าไม่ทานเวย์โปรตีนแล้วก็ยังมีอาหารทางเลือกอื่น ๆ อย่างเช่น ไข่ขาวและอกไก่ ที่ให้โปรตีนไม่แพ้กัน และยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้ออีกด้วย

กินโปรตีนสูง ๆๆ สร้างกล้ามเนื้อได้มากไหม ?
การกินอาหารโปรตีนสูงเข้าไปมากเกินส่งผลให้ ร่างกายใช้โปรตีนได้ไม่หมด จะเอาไปสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่ได้เพราะร่างกายมีกล้ามเนื้อไว้ใช้ทำงานในปริมาณเหมาะสมแล้วและไม่ได้เป็นแหล่งสะสมโปรตีน จึงจำต้องขจัดโปรตีนออก ส่งผลให้ตับไตทำงานหนัก ในกลไกการสลายโปรตีน ร่างกายจำต้องสร้างโมเลกุลของน้ำให้เกิดขึ้นมาก ทำให้น้ำถูกขับออกมาเยอะแยะ ปัสสาวะบ่อย เหงื่อออกง่าย เมือชั่งน้ำหนักด้วย เครื่องชั่งน้ําหนัก ดิจิตอล จะเห็นว่าน้ำหนักลดลงในช่วงแรกๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขับน้ำออกจากร่างกายนี่เอง นอกจากนี้ร่างกายยังมีการสลายแป้งในกล้ามเนื้อที่เรียกกันว่าไกลโคเจนมากขึ้น กล้ามเนื้อเกิดอาการล้าแถมอ่อนเพลียจากการขาดน้ำอีกต่างหาก

กินโปรตีนสูง ดีต่อสุขภาพไหม ?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการกินโปรตีนมากมีผลต่อร่างกายไหม ขอบอกเลยว่าการรับประทานโปรตีนมาก ๆ นอกจากจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำแล้วก็ยังทำให้เกิดความเสี่ยงโรคไต รวมทั้งนิ่วในไตได้ ยิ่งถ้าหากรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตน้อยด้วยละก็ ยิ่งจะทำให้ไตทำงานหนักขึ้นเลยล่ะ การรับประทานโปรตีนมาก ๆ นั้น อาจจะเคยเจออาการปัสสาวะออกมาเป็นฟอง ซึ่งนั่นเป็นอาการที่บ่งบอกว่าในปัสสาวะมีโปรตีนเจือปนอยู่ เพราะไตต้องกำจัดโปรตีนส่วนเกินออกทางปัสสาวะ

ผลการวิจัย หลังทานโปรตีนมาก ไม่ได้ลดน้ําหนัก
ศาสตราจารย์โรเบิร์ต เอกเกล (Robert Eckel) แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโด เขียนคำอธิบายไว้ในวารสารชื่อ Circulation ของสมาคมโรคหัวใจอเมริกันว่าอาหารโปรตีนสูงมักมีไขมันสูง วิตามิน เกลือแร่ต่ำ ใยอาหารต่ำ ทำให้ร่างกายมีแนวโน้มที่จะขาดวิตามินเกลือแร่ได้อีก กินอาหารโปรตีนสูงไปได้สักพักโปรตีนที่มากเกินจะเริ่มเปลี่ยนเป็นไขมัน กลับกลายเป็นว่า เมือชั่งน้ำหนักด้วยเครื่องชั่งน้ําหนัก ดิจิตอล จะพบว่าน้ำหนักตัวจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนกลับมาเท่าเดิมอีกครั้ง จึงเตือนว่ากลุ่มที่นิยมใช้อาหารโปรตีนสูงเพื่อลดน้ําหนักตัวขอให้ระวังไว้เพราะมันไม่เคยทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้อย่างถาวรเลย จากการติดตามศึกษามานานเป็นสิบปีพบว่าอาหารโปรตีนสูงมักทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด เสี่ยงต่อโรคหัวใจมากขึ้นจากปัญหาการสะสมไขมัน

โปรตีน กินแค่ไหนมีผลต่อกล้ามเนื้อ และดีต่อสุขภาพ ?
ร่างกายของเรามีความต้องการโปรตีนที่ในปริมาณ 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สำหรับคนทั่วไป แต่ถ้าหากเป็นคนที่ใช้พลังงานมากกว่าปกติ ที่จำเป็นต้องได้รับพลังงานในปริมาณมาก ๆ เพื่อให้มีแรงทำงาน ควรจะได้รับโปรตีนในปริมาณ 1.2-1.4 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และถ้าหากเป็นนักกีฬาที่ต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ร่างกาย หรือผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อควรรับประทานโปรตีนในปริมาณ 1.2-1.7 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ถึงจะเรียกว่าได้รับปริมาณโปรตีนอย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงวัยทำงานน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ควรได้รับโปรตีน วันละ 36 กรัม ผู้ชายวัยทำงานน้ำหนัก 75 กิโลกรัม ควรได้รับโปรตีนประมาณวันละ 90-105 กรัม และ นักกีฬาหรือผู้ที่อยู่ในช่วงสร้างกล้ามเนื้อน้ำหนัก 80 กิโลกรัม ควรได้รับโปรตีนประมาณวันละ 96-136 กรัม เป็นต้น

เทรนการกินโปรตีน สร้างกล้ามเนื้อ ลดน้ำหนัก ดีจริงไหม
สรุปคือหากกลุ่มทีคิดสร้างกล้ามเนื้อด้วยการกินโปรตีนจำนวนมาก หรือกลุ่มที่จะลดน้ำหนักกันให้เป็นเรื่องเป็นราวด้วยโปรตีน แนะนำให้ใช้วิธีการลดพลังงานจากอาหารร่วมกับการออกกำลังกายซึ่งน่าจะได้ผลเป็นเรื่องเป็นราวมากกว่า แนะนำกันอย่างนี้เพื่อสุขภาพของพวกเราเองแท้ๆ ได้ทราบกันแบบนี้แล้วใครที่กำลังอยู่ในเทรนด์การรับประทานโปรตีนเป็นหลัก ก็ควรเพลา ๆ ลงบ้างนะ เพราะยังไงร่างกายของเราก็ไม่สามารถแข็งแรงสมบูรณ์ด้วยการรับประทานโปรตีนเพียงอย่างเดียว ต้องมีอาหารอย่างอื่นเสริมเข้าไปด้วยถึงจะดีนะ แล้วหมั่นตรวจดูสุขภาพด้วย เครื่องชั่งน้ำหนัก ที่วัดได้ทั้ง น้ำหนักร่างกาย มวลน้ำ มวลไขมัน มวลกล้ามเนื้อ มวลกระดูก ดัชนีมวลกาย และอัตราการเผาพลาญพลังงานพื้นฐานต่อวัน ยิ่งดีใหญ่ ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายว่ามาถูกทางแล้ว

Cr.สยามรัฐ,Kapook,Rama Channel

25 มี.ค. 2562

ข่าวดี สอบ ใบขับขี่ ได้แล้ว 130 แห่งทั่วไทย

ข่าวดี สอบ ใบขับขี่ ได้แล้ว 130 แห่งทั่วไทย


การจะขับขี่ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์, รถกระบะ, รถจักรยานยนต์, รถเมล์, รถแท็กซี่ หรืออะไรก็ตามบนถนนสาธารณะ คนที่ขับขี่จะต้องมีใบขับขี่ติดตัวตลอดเวลาที่มีการขับรถ โดยเฉพาะรถยนต์สาธารณะจำเป็นต้องมีการบันทึกลงระบบ GPS ด้วย เครื่องรูดบัตร แถบแม่เหล็ก เพือตรวจสอบผู้ขับขี่และระยะเวลาการขับรถสาธารณะ ในปัจจุบัน ขั้นตอนการขอมีใบอนุญาตการขับขี่ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เนื่องจากกฎหมายใหม่ระบุเอาไว้ว่า ผู้ที่ทำการขอใบอนุญาตขับขี่ใหม่ จะต้องผ่านการอบรมจากทางกรมการขนส่งทางบกอย่างน้อย 5 ชั่วโมง ก่อนที่จะได้รับใบอนุญาต ดังนั้นถ้าใครที่ไม่เคยมีใบขับขี่มาก่อน ก็ต้องเข้าอบรม 5 ชั่วโมงทุกคน

อบรมและสอบใบขับขี่
ผู้ที่ทำการขอใบอนุญาตขับขี่ใหม่ จะต้องผ่านการอบรมจากทางกรมการขนส่งทางบกอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เมื่อผ่านการทดสอบสมรรถภาพร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มขั้นตอนการอบรมได้เลย โดย 5 ชั่วโมงนี้ ก็จะมีทั้งทางเจ้าหน้าที่มาบรรยายให้ความรู้เรื่องสัญญาณจราจร, ป้ายจราจรต่าง ๆ และมีการเปิดวีดีโอรูปแบบต่าง ๆ ทั้งภาพการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง, ภาพการสัมภาษณ์คนที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ, คลิปการขับรถปลอดภัย เป็นต้น ผู้ขอใบอนุญาตก็นั่งดูกันไปจนครบ 5 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จพิธี

ทำใบขับขี่ ได้แล้ว ที่ สถาบันการศึกษา 130 แห่ง ทั่วประเทศ ดังนี้
ข่าวดี ทำใบขับขี่ แถบแม่เหล็ก เพิ่มทางเลือกอบรมภาคทฤษฎี ไม่ต้องไปถึงขนส่ง กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ได้เพิ่มความสะดวกให้กับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ หรือ ใบขับขี่แถบแม่เหล็ก และขอต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ ด้วยการเปิดทางเลือกให้ประชาชนสามารถสมัครเข้ารับการอบรมภาคทฤษฎีกับ คลิก >>> สถาบันการศึกษาของภาครัฐและภาคเอกชน จำนวน 130 แห่ง ที่มีความตกลงกับกรมการขนส่งทางบก โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการอบรมภาคทฤษฎีกับสำนักงานขนส่งเพียงอย่างเดียว โดยประชาชนที่จะเข้ารับการอบรมสถาบันการศึกษาจำนวน 130 แห่งทั่วประเทศ

สอบ ใบขับขี่ชั่วคราว & การต่ออายุใบขับขี่
อย่างไรก็ตาม หลักสูตรในการอบรมสำหรับผู้ขอรับใบขับขี่ชั่วคราว จะมีระยะเวลา 5 ชั่วโมง และหลักสูตรสำหรับขอต่ออายุใบขับขี่ จะมีระยะเวลา 1 ชั่วโมง รวมถึงการขอต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ กรณีใบเดิมสิ้นอายุเกิน 1 ปี หรือสิ้นอายุ 3 ปีด้วย โดยผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับหนังสือรับรองผ่านการอบรม สำหรับนำมายื่นแสดงเป็นหลักฐานขอเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทดสอบข้อเขียนระบบ E-Exam และทดสอบขับรถ ตามระเบียบที่กรมการขนส่งทางบก กำหนด ก่อนที่จะได้รับ ใบขับขี่ แถบแม่เหล็ก ทีมีข้อมูลผู้ขับขี่อยู่บนแถบแม่เหล็กด้านหลังบัตร ส่วนเจ้าพนักงานและกรมขนส่ง สามารถตรวจสอบประวัติผูัขับขี่ก็สามารถทำได้ด้วยการใช้ เครื่องรูดบัตร อ่านข้อมูลประวัติบนแถบแม่เหล็กหลังบัตร

ระวัง ใบขับขี่ แถบแม่เหล็ก ปลอม
ทั้งนี้การเพิ่มทางเลือกอบรมหลักสูตรภาคทฤษฎีกับหน่วยงานภายนอก นอกจากจะเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนแล้ว ยังมุ่งเน้นให้ผู้ขอรับใบขับขี่มีความรู้ในการขับขี่อย่างปลอดภัย ตระหนักและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ การดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่ต้องติดต่อด้วยตนเองทุกขั้นตอน ดังนั้น อย่าหลงเชื่อติดต่อกับบุคคลภายนอกที่อาสาดำเนินการแทนหรือแอบอ้างว่าจะได้รับใบขับขี่ แถบแม่เหล็ก โดยไม่ต้องผ่านการอบรมหรือไม่ต้องทดสอบอย่างเด็ดขาด นอกจากจะสูญเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นแล้ว อาจสูญเสียเอกสารหลักฐานสำคัญ ที่สำคัญจะได้รับใบขับขี่ แถบแม่เหล็กปลอมที่ไม่ได้ออกให้โดยหน่วยงานราชการ

Cr.ไทยรัฐ,Autodeft