19 ธ.ค. 2562

9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน

9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน
9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน

9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดน บูลลี่ในโรงเรียน



ปัญหาการล้อเลียนชื่อพ่อแม่ การเรียกชื่อสมมติหรือปมด้อยของเพื่อน การไม่ให้เข้าร่วมกลุ่มเล่น หรือทำกิจกรรมด้วยกัน และการตบหัวหรือการชกต่อยกัน ซึ้งการรังแก กลั่นแกล้งในโรงเรียน หรือที่เดียวนี้เรียกกันติดปากว่าบูลลี่ในโรงเรียน ได้กลายมาเป็นปัญหาที่ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นในสังคมไทย เมื่อเร็วๆ นี้ กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ได้จัดกิจกรรมเพื่ออบรมให้ความรู้ แก่ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู ที่โรงเรียนทอสี ในหัวข้อ “คำพูดสร้างสรรค์ สร้างสังคมน่าอยู่ ไม่บูลลี่ในเด็ก(การรังแก กลั่นแกล้งในโรงเรียน)” จึงขอแนะนำ 9 วิธีรับมือ เมื่อลูกโดนบูลลี่ในโรงเรียน

1.ทำความเข้าใจว่าบูลลี่ในโรงเรียนคืออะไร
แท้จริงแล้วบูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งคือ นิสัยที่เรียนรู้และเลียนแบบมาจากการเห็นหรือได้ยิน เช่น การพบเจอปัญหาคนในครอบครัวทะเลาะกัน หรือพบเจอคนในชุมชนด่าทอกันด้วยคำพูดหยาบคายทุกวัน จนมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ผู้กระทำบางราย อาจจะเป็นบุคคลที่ขาดความมั่นใจในตนเอง อิจฉาริษยาผู้อื่น รวมถึงผู้กระทำบางรายอาจจะเคยเป็นผู้ถูกกระทำมาก่อน การทำความใจว่าการกลั่นแกล้งคืออะไร คือสิ่งสำคัญ ที่ทำให้เราเข้าใจปัญหาของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำมากขึ้น

2.กล้าที่จะพูดหรือแสดงความไม่พอใจต่อผู้กระทำ
การแสดงออกหรือการพูดสื่อสารออกมาว่าผู้ถูกกระทำนั้นไม่พอใจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้กระทำมีแนวโน้มที่จะบูลลี่ในโรงเรียนลดน้อยลง หรือหยุดการกลั่นแกล้นั้นๆ ลงได้ เนื่องจากผู้กระทำได้รับการตระหนักรู้ ถึงความรู้สึกของผู้ถูกกระทำว่า “ไม่พอใจ” และ “เสียใจ” ตลอดจนรับรู้ว่าการกระทำของตนนั้นสร้างผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำอย่างไรบ้าง หลายครั้งที่ปัญหาการบูลลี่ในโรงเรียนหรือกลั่นแกล้งเกิดขึ้นกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาอย่างยาวนาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ถูกกระทำ ไม่กล้าที่จะพูด หรือแสดงความไม่พอใจออกมา ทำให้ผู้กระทำไม่รับรู้ว่า ผู้ถูกกระทำนั้นมีความรู้สึกอย่างไร จึงกระทำการกลั่นแกล้งซ้ำๆ เพราะมองว่าบูลลี่ในโรงเรียนเป็นเรื่องที่สามารถทำได้

3.บอกพ่อแม่ ผู้ปกครองหรือครู เมื่อถูกบูลลี่ในโรงเรียน
สิ่งสำคัญมาก ที่ต้องสอนเด็ก และลูกหลานของเรา “ไม่ให้เงียบ”  “เพิกเฉย” หรือ “ทนต่อสถานการณ์บูลลี่ในโรงเรียนที่เกิดขึ้น” และกล้าที่จะบอกเล่าปัญหาของตนกับพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครูที่โรงเรียน เพราะปัญหาการถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนต้องได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือครู ต้องปรึกษาหารือกัน เพื่อหาวิธีการรับมือบูลลี่ในโรงเรียน และหาวิธีการแก้ไขปัญหานี้ร่วมกัน ปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน เกิดจากการที่ผู้ถูกกระทำ ไม่ได้บอกเล่าเรื่องถูกกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ในโรงเรียนให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทราบ จึงทำให้ปัญหาการกลั่นแกล้งยังคงเกิดขึ้น และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด

4.การบูลลี่ในโรงเรียนเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แจ้งความได้
การกลั่นแกล้งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย หากว่าผู้ถูกกระทำ ถูกกลั่นแกล้งทางร่างกาย หรือทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำพูดด่าทอเชื้อชาติ หรือเพศสภาพ ใช้กำลังและความรุนแรงรังแกผู้อื่น หรือแม้แต่การแชร์เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นในอินเทอร์เน็ต ล้วนเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น หากว่ามีการพบเจอบูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งที่รุนแรงเช่นนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูสามารถรายงานเรื่องบูลลี่ในโรงเรียนนี้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

5.อย่ามองตัวเองเป็นปัญหา
การมีอัตลักษณ์ที่ต่างจากผู้อื่น เช่น เพศสภาพ เชื้อชาติ รูปร่างหน้าตา ที่ต่างจากผู้อื่น ไม่ใช่ปัญหาของผู้ถูกกระทำเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะทัศนคติของผู้กระทำต่อผู้อื่นต่างหาก สิ่งที่สำคัญคือเราต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติและมุมมองของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก หากลูกของคุณเป็นผู้ถูกบูลลี่ในโรงเรียน จงสอนเขาว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด และมันไม่ใช่ปัญหาของเขาเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวผู้กระทำเองทั้งสิ้น

6.หาวิธีจัดการความเครียด
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งสามารถสร้างความเครียดให้แก้ผู้ถูกกระทำเป็นอย่างมาก นอกจากการบอกเล่าปัญหาต่อผู้ที่ไว้ใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พ่อแม่ หรือครูแล้ว ควรลองมองหากิจกรรมหรือสิ่งใหม่ๆ เช่น การออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือออกไปเที่ยว เพื่อจัดการกับความเครียดของตนเอง และทำให้สภาพจิตใจไม่หมกมุ่นต่อบูลลี่ในโรงเรียนที่เกิดขึ้น

7.อย่าแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว
เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครองและครู ที่จะคอยสอดส่อง ดูแล พฤติกรรม อารมณ์ของเด็กๆ และบุตรหลาน ไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเงียบหรือปลีกตัวมาอยู่คนเดียว การอยู่คนเดียว ไม่สามารถแก้ปัญหา หรือทำให้เราจัดการกับบูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ การอยู่คนเดียวเงียบๆ จะทำให้ลดความมั่นใจ และความภาคภูมิใจของผู้ถูกกระทำได้

8.ดูแลสุขภาพกายและใจให้ดี
สุขภาพกายและใจคือสิ่งสำคัญที่เราควรใส่ใจ บูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้งนั้นสามารถสร้างบาดแผลและปมในใจให้กับผู้ถูกกระทำ ซึ่งสามารถส่งผลต่อสภาพร่างกาย เช่น การอดอาหาร เครียดจนนอนไม่หลับ เป็นต้น หากบุตรหลานของท่านได้รับการกลั่นแกล้งที่กระทบต่อสภาพร่างกาย และจิตใจ ควรพาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและจิตวิทยา เพื่อช่วยให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาได้อย่างดีและตรงจุด

9.มองหาบุคคลต้นแบบที่ดี
บูลลี่ในโรงเรียนหรือการกลั่นแกล้ง ทำให้ผู้ถูกกระทำสับสนและไม่ชอบในตัวเอง หากว่าผู้ถูกกระทำมีบุคคลต้นแบบที่ดี จะสามารถทำให้เห็นได้ว่า มีอีกหลายคนที่เคยพบเจอกับปัญหาเดียวกัน แต่พวกเขาก็สามารถก้าวข้ามผ่านการโดนกลั่นแกล้งจนสามารถประสบความสำเร็จได้ การมีบุคคลต้นแบบที่ดีนั้น จะทำให้ผู้ถูกกระทำ มองเห็นคุณค่าของตัวเองและรักตัวเองมากขึ้น

Cr.The Bangkok Insight,Kapook,