"3G & 4G " จุดเปลี่ยนสังคมก้มหน้า
สังคม เมืองและสังคมชนบท จุดเปลี่ยนจากเดิมไปสู่ โซเชียวบนมือถือหรือสังคมก้มหน้า ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ หรือเฉพาะจังหวัดใหญ่ ๆ อีกต่อไปที่การใช้งานโมบายอินเทอร์เน็ตเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศไทยต่างเห็นประโยชน์ของการใช้สมาร์ทดี ไวซ์ (Smart Device) หลากหลายรูปแบบ และมีความต้องการซื้อสูง ไม่ว่าจะเป็นไวไฟพกพา ( Pocket WiFi ) เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์เข้าถึงอินเทอร์เน็ต
ประมูล 3G & 4G จุดเปลี่ยน
โทรศัพท์ มือถือระบบ 3G 4G เกิดขึ้นในปี 2555 และ 2559 ตามลำดับทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะราคาการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตถูกลง ประกอบกับสมาร์ทดีไวซ์ (Smart Device)ขยับราคาลงมามาก จนในสิ้นปี 2556 ที่โครงข่ายครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ มีผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือเพิ่มเป็น 93.1 ล้านเลขหมาย และมีผู้ใช้งาน 3G มากถึง 55.5 ล้านเลขหมาย
ล่าสุดในสิ้นปีที่ผ่านมา มีปัจจัยบวกเข้ามาทั้งจากราคาแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่ราคาเพียง 29 บาท/วัน และสมาร์ทดีไวซ์ (Smart Device) มีราคาเหลือ 1,000-2,000 บาท ทำให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทยไปไกลถึง 96 ล้านเลขหมาย และมีคนใช้งาน 3G มากกว่า 77 ล้านเลขหมาย และกำลังแข่งกันก้าวสู้ 4G ในอีกเร็ว ๆ นี้
สังคมก้มหน้าจาก ปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดผู้ใช้ 3G และ 4G โตเร็ว คือเกิดการบอกต่อประโยชน์จากผู้ใช้คนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง ตัวอย่าง เช่น ลูกสอนแม่ให้ใช้ไลน์ (Line)เพื่อติดต่อสื่อสาร หรือใช้ยูทูบ (Youtube) รับสื่อบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ พอใช้จริงก็เกิดประโยชน์อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายโทรศัพท์มือถือจากเดือนละ 500 บาท เหลือเพียง 200-300 บาท เพราะพวกเขาเชื่อมต่อผ่าน ไวไฟพกพา (Pocket WiFi)ใช้ร่วมกันในบ้าน เมือออกนอกบ้านก็มีไวไฟฟรีตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อใช้ไลน์ (Line)ในการโทรหากัน ส่วนเรื่องยูทูบ (Youtube)ก็ทำให้ดูหนังหรือฟังเพลงเมื่อไรก็ได้ จากเดิมที่ต้องเฝ้าดูรายการต่าง ๆผ่านโทรทัศน์เท่านั้น
พฤติกรรมภูธรสังคมก้มหน้า
"เอ็ม อินเตอร์แอคชั่น" ได้สำรวจผู้ที่ใช้สมาร์ทดีไวซ์น้อยกว่า 12 เดือน จำนวน 100 ตัวอย่าง ในภาคเหนือ, กลาง, ตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่าการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตกระจายอยู่ในทุกระดับรายได้ โดยเหตุผลที่ขยับเข้ามาใช้งาน จากเครื่อข่ายมือถือ 3G ครอบคลุมพื้นที่ สามารถรับข่าวสารได้รวดเร็วกว่าสื่อปกติ
แม้นไม่มีโทรศัพท์บ้านก็สามารถใช้ระบบ 3G และ 4G รองรับการเชื่อมต่อผ่าน ไวไฟพกพา (Pocket WiFi) ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ไม่ว่าจะเป็นการกดติดตามแฟนเพจบนเฟซบุ๊ก (Facebook), สามารถติดต่อสื่อสารกับคนในครอบครัวผ่านไลน์ (Line) โซเซียลมีเดียอื่น ๆ และประยุกต์ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กกับลักษณะงาน เช่น สร้างกลุ่มเพื่อติดต่อระหว่างคนในองค์กร
เมื่อเจาะไปที่การค้าขาย สินค้าผู้ใช้ในเฟซบุ๊ก (Facebook),อินสตาแกรม (Instagram) และไลน์ (Line)ในการซื้อขายสินค้า ใช้ตู้เอทีเอ็มเป็นช่องทางชำระผ่านการโอนเงิน ตั้งแต่ราคาสินค้า 500-2,000 บาทเท่านั้น ไม่มีการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ หรือไลน์ (Line)ช็อปเหมือนในหัวเมืองใหญ่ เพราะยังมองว่าขั้นตอนในการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซค่อนข้างยุ่งยาก และการพูดคุยกับผู้ขายผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ก่อนโอนเงินจากบัญชีธนาคารผ่านเอทีเอ็มนั้นง่าย และสะดวกมากกว่า แล้วการรับสินค้าง่ายดายจาก EMS ส่งตรงถึงบ้าน
ฟรีไวไฟ (Free WiFi) จุดพลุโมบายเน็ต
เมื่อ ผู้บริโภคใช้ชีวิตอยู่บนหน้าจอเกือบตลอดเวลา สังคมก้มหน้าทำให้สื่อดั้งเดิมเช่น หนังสือพิมพ์ และคลื่นวิทยุ แทบไม่มีการใช้งานในต่างจังหวัด เพราะสามารถเสพสื่อผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เร็วกว่าสื่อเดิม รวมถึงฟังเพลงผ่านยูทูบ (Youtube)แบบไม่มีโฆษณา และมีเสียง ดีเจ.คั่นเหมือนในวิทยุ ทำให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่ยากขึ้น ที่สำคัญการขยายตัวของ "ฟรีไวไฟ (Free WiFi)" ตามร้านอาหารและร้านตัดผม ทำให้ผู้ใช้ในต่างจังหวัดใช้สมาร์ทดีไวซ์เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์เหล่านี้ได้ เช่นกัน ซึ่งร้านค้าเหล่านี้ก็อาศัย "ฟรีไวไฟ (Free WiFi)" ปล่อยสัญญาณไวไฟผ่านไวไฟพกพา (Pocket WiFi) เป็นตัวดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้าน
คนในต่างจังหวัดมองเรื่อง ค่าใช้จ่ายต้องมาก่อนดังนั้นอะไรที่ฟรีพวกเขาก็จะมองก่อน ซึ่งเมื่อเทียบความคุ้มค่าระหว่างสมาร์ทโฟนราคาหลักพันกับโทรทัศน์ และวิทยุที่รวมราคาก็พอ ๆ กัน เขาก็เลือกสมาร์ทโฟนก่อน เพราะซื้อครั้งเดียวทำได้ทุกอย่าง ทำให้คนต่างจังหวัดอ่านหนังสือพิมพ์น้อยลง และแทบไม่ฟังวิทยุ ส่วนบริการที่กำลังบูมคือเรื่องดิจิทัลต่าง ๆ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งจึงมีความสำคัญมากขึ้น
Cr.ประชาชาติธุรกิจ