30 ม.ค. 2561

โทรศัพท์มือถือ เล็กที่สุดในโลก


โทรศัพท์มือถือ เล็กที่สุดในโลก


ในยุคที่สมาร์ทโฟนมีแต่จะขยายขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้นขนาด 4-6 นิ้วกันมาแล้ว สำหรับการรับชมความบันเทิงอย่างเต็มที่ จนบางครั้งอาจยากต่อการพกพา แต่ยังมีผู้ผลิตโทรศัพท์รายหนึ่งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการหยุดและพักจากการใช้สายตาจดจ่อไปที่สมาร์ทโฟนจอทัชสกรีนขนาดใหญ่นั้น แล้วให้ผู้คนกลับมาให้ความสำคัญกับการให้คุณค่ากับการใช้ชีวิตกับสิ่งรอบตัว โทรศัพท์ที่ไม่ยึดติดกับหน้าตาในแบบที่เราคุ้นเคย แต่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากฟีเจอร์โฟนของบริษัทผู้ผลิตมือถือสุดยิ่งใหญ่ในอดีตอย่างโนเกีย เกิดเป็นโทรศัพท์ที่มีความสามารถในการทำงานอย่างรอบด้านด้วยขนาดที่เล็กที่สุดในโลก

โทรศัพท์มือถือ ค่าย Zanco
โทรศัพท์มือถือขนาดจิ๋วนี้มีชื่อว่า Zanco tiny t1 (ซันโก้ ไทนี ที1) พัฒนาโดยบริษัท ซันโก้ ที่ผลิตโทรศัพท์ขนาดเล็กมานานหลายปีแล้วโทรศัพท์รุ่นนี้มีขนาดเล็กที่สุดโนโลกด้วยขนาดกว้างเพียง 21 มิลลิเมตร ยาว 46.7 มิลลิเมตร หนา12 มิลลิเมตร สามารถวัดได้ด้วย เวอร์เนียร์ดิจิตอล หรือเล็กกว่าเครดิตการ์ดปกติทั่วไปอยู่เกือบ 1 เท่าตัว (เครดิตการ์ดทั่วไปมีขนาด 85.60×53.98 มม. ) น้ำหนักตัวเพียง 13 กรัมเท่านั้น ถือขนาดเล็กที่สุดในโลก และยังเบามากด้วย เรื่องความสะดวกในการพกพาคงไม่ต้องพูดถึง มันสะดวกมากๆ หากคุณจะเหน็บไว้กับตัวระหว่างไปวิ่งออกกำลังกาย

โทรศัพท์มือถือ จิ๋วแต่แจ๋ว
ตัวโทรศัพท์ทำงานบนเน็ทเวิร์ค 2G แบตเตอรีมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 3 วันต่อหนึ่งการชาร์จ สนทนาต่อเนื่องได้นานติดต่อกัน 3 ชั่วโมง ชาร์จผ่านพอร์ทไมโครยูเอสบี รองรับนาโนซิมการ์ด และมาพร้อมด้วยคีย์บอร์ดสำหรับใช้รับส่งข้อความได้ด้วยขนาดที่ต้องเรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว Zanco tiny t1 สามารถพกไปที่ไหนก็ได้ จะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกง หรือจะห้อยคอก็ได้ (ตัวโทรศัพท์มีช่องสอดสายคล้องคอ) สามารถใช้เป็นแบ็คอัพโฟนแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ สำหรับใช้ไปเที่ยวหรือในวันทำงานสำหรับผู้ที่ต้องการตัดขาดจากโลกออนไลน์

โทรศัพท์มือถือ รุ่น tiny t1
Zanco tiny t1 โทรศัพท์มือถือขนาดจิ๋วนี้ มีหน้าจอ OLED ขนาด 12.5 มิลลิเมตร วัดได้จาก เวอร์เนียร์ดิจิตอล หน้าจอมีความละเอียด 64x32 พิกเซล ผู้ใช้งานสามารถคุยโทรศัพท์ได้นานติดต่อกัน 3 ชั่วโมง และแบตเตอรีสามารถอยู่ได้นาน 3 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้งหากไม่ได้ใช้งาน ใช้ซิมการ์ดแบบ nano-SIM จัดเก็บรายชื่อในตัวเครื่องได้ 300 รายชื่อ รวมถึงบันทึกรายการโทรล่าสุด 50 รายการ และจัดเก็บข้อความSMSได้สูงสุด 50 ข้อความ หน่าวยความจำ RAM 32MB ความจุในตัวเครื่อง 32GB ความจุแบตเตอรี่ 200mAh ที่ให้พลังงานนานต่อเนี่องถึง 3 วัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และชาร์จผ่านพอร์ต Micro USB

โทรศัพท์มือถือ โครงการ Kickstarter
แม้แรกเริ่มเดิมทีเหมือนจะเป็นแนวคิดขำขัน แต่สุดท้ายก็เกิดเป็นจริงขึ้นมา ลงท้ายด้วยการเป็นโครงการที่ Kickstarter แต่ภายในเวลาแค่ 22 วัน ก็ระดมทุนได้เกินเป้ามีผู้สนับสนุนมากถึง 3,000 ราย โดยล่าสุด (21 ธันวาคม ค.ศ. 2017) สามารถหาทุนได้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยยอดเงินมากกว่า 200,000 เหรียญ สนใจจับจองกันได้ในราคา 47 เหรียญ (1,500 บาท) ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อโทรศัพท์มือถือหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.kickstarter.com จากความสำเร็จนี้ทำให้คาดว่าจะสามารถผลิตโทรศัพท์มือถือออกมาจำหน่ายทั่วโลกตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี ค.ศ. 2018

Cr.POPpaganda,Flashfly

แบตเตอรี่สำรอง เล็กที่สุดในโลก

แบตเตอรี่สำรอง เล็กที่สุดในโลก


ถึงแม้ในปัจจุบันจะมีนักประดิษฐ์ไอเดียสร้างสรรค์จำนวนมาก ต่างคิดค้นที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ แบบพกพาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานออกมาหลากหลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่กลับพบว่าตัวอุปกรณ์แบตสำรองจะค่อนข้างใหญ่พกพาลำบาก ทำให้หลาย ๆ ครั้งก็ตัดใจไม่เอาที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือติดกระเป๋าไปด้วย ทว่าสุดท้ายก็ต้องมากังวลอีกว่าแบตมือถือ จะหมดเมื่อไหร่ เพราะในเมื่อเราต่างก้มหน้าก้มตาละเลงนิ้วมือลงบนสมาร์ทโฟนกันอย่างเมามันส์ เลย...คิดไม่ตกซะจริง ๆ ว่าจะพกสมาร์ทโฟนไปพร้อมกับที่ชาร์จโทรศัพท์มือถืออย่างไรกันดี


Fuel แบตเตอรี่สำรอง ขนาดเล็กจิ๋ว
ในเมื่อความคิดสร้างสรรค์ของคนเราไม่เคยหยุดนิ่ง ดังนั้นตอนนี้จึงมีผู้คิดค้นอุปกรณ์แบตเตอรี่สำรองจิ๋ว สำหรับ สมาร์ทโฟน หรืออาจพูดได้ว่าที่สุดในโลก ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับ ฟูเอล (Fuel) แบตเตอรี่สำรองจิ๋วแหล่งพลังงานขนาดย่อม เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ เมือได้วัดขนาดแบตสำรองจิ๋วจากเครื่องมือวัด เวอร์เนียร์ดิจิตอล ก้อขนาดเพียง 1.2 x 1.5 x 0.6 นิ้ว เท่านั้น นอกจากนี้การใช้งานก็ง่ายแสนง่าย แค่เปิดสวิทช์ที่ตัวอุปกรณ์แบตเตอรี่สำรองจิ๋ว แล้วนำสาย USB หรือ AC Micro-USB มาต่อระหว่างโทรศัพท์กับตัวอุปกรณ์ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ เพียงเท่านี้มันก็จะค่อย ๆ เติมเต็มพลังงานให้สมาร์ทโฟนของผู้ใช้งานแล้ว

ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ จิ๋ว เเบบพกพา
เพียงแค่ได้เห็นภาพตัวอุปกรณ์ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือชิ้นนี้เป็นครั้งแรกก็ต้องบอกว่า อึ้ง ทึ่ง ตะลึง!! อยู่เหมือนกัน ด้วยขนาดที่เล็กจิ๋ว (เล็กกว่ากุญแจรถด้วยซ้ำ) และรูปร่างหน้าตาที่น่ารักที่ทาง อดัมส์ และ อเล็กซ์ รวมทั้งทีมงานจาก Devotec Industries ช่วยกันออกแบบแบตเตอรี่สำรอง โดยมีลักษณะเป็นรูปถังใส่น้ำมันสีแดง ที่มาพร้อมกับพลังขนาด 400 mAh แบตเตอรี่จำหน่ายกระแสไฟสูงสุด 1.0A ซึ่งจะชาร์จแบตมือถือให้กับสมาร์ทโฟนของคุณในยามฉุกเฉินได้ แต่จะช่วยให้ใช้งานต่อได้นานแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานโทรศัพท์ของแต่ละคนด้วย

Power Bank จิ๋วแต่แจ๋ว
แบตเตอรี่สำรองดีไซน์ถังน้ำมันจิ๋ว ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีขนาดที่เล็กที่สุดในโลกเพียงขนาด 30 x 39 x 16 มิลลิเมตร ที่วัดจากเครื่องมือวัด เวอร์เนียร์ดิจิตอล ทำให้สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก แต่ด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้ FUEL CHARGER แบตเตอรี่สำรองสามารถจุแบตเตอรี่ได้เพียง 400 mAh ซึ่งเพียงต่อการใช้งานสนทนาได้นาน 20-30 นาที หรือเปิดสแตนบายได้นาน 2-3 ชั่วโมง จึงมีข้อดีคือสามารถพกติตัวไปได้ทุกที่โดยใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อ หรือกระเป๋ากางเกง แม้จะมีความจุเพียง 400 mAh แต่ทว่าในยามฉุกเฉิน Power Bank จิ๋วตัวนี้ จะทำให้คุณไม่พลาดสายโทรศัพท์สายสำคัญ อีเมลด่วน หรือตอบ Line อีกด้วย

ราคา แบตสำรอง เล็กที่สุดในโลก
วิธีที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือก็ง่ายมาก เพียงแค่เปิดสวิตช์แบตสำรองและเสียบเข้ากับโทรศัพท์เหมือนกับที่คุณชาร์จ โทรศัพท์ของคุณจะเริ่มชาร์จใหม่ทันที ที่ชาร์จแบตเตอรี่สำรองที่มีหัวชาร์จแบบ Micro SD มีปุ่มเปิด/ปิด ทำให้ไม่เปลืองพลังงานแบตเตอรี่ในเวลาที่ไม่ได้ใช้ นอกจากนี้ ยังมีไฟแจ้งเตือน LED 3 ดวง ที่จะบ่งบอกสถานะในขณะกำลังชาร์จ หรือชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้ว หากใครต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อทางออนไลน์ก็สามารถคลิกเข้าที่เว็บไซต์ devotecindustries.com ได้เช่นกัน โดยราคาจำหน่ายไว้ที่ 19.99-29.99 เหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ720-1080 บาท)

Cr.กระปุก

แฟลชไดร์ฟ เล็กที่สุดในโลก

แฟลชไดร์ฟ เล็กที่สุดในโลก



เชื่อว่าหากพูดถึงหน่วยความจําสํารองอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ใช้บันทึกเพลง วีดีโอ บทความ และอื่นๆทุกคนต้องรู้จักกันดีอยู่แล้ว สำหรับตัวเก็บข้อมูลที่มีขนาดเล็กที่ชื่อว่า แฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive) มีหน้าที่ในการบันทึกข้อมูลต่างๆ คัดลอกไฟล์ข้อมูลมาจากคอมพิวเตอร์แล้วส่งไปบันทึกบนหน่วยความจำบนแฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive)จากนั้นเมื่อนำไปใช้งานในคอมพิวเตอร์เครื่องก็สามารถนำดูข้อมูล แก้ไข ที่คัดลอกมานั้นเอง เพียงแค่พกแฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive)ที่มีขนาดเล็กก็สามารถทำงานได้ทุกที่เลย เพิ่มความสะดวกให้ได้หลายเท่าเลย

แฟลชไดร์ฟ หน่วยความจําสํารอง
ในปัจจุบันแฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive)เรียกได้ว่าเป็นหน่วยความจําสํารองที่ต้องมีติดตัวไว้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่ต้องทำงานเกี่ยวกันเอกสารไฟล์งานแบบต่างๆ ก็จำเป็นต้องใช้งานแฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive)เพื่อย้ายข้อมูลไปทำต่อที่บ้านหรือย้ายงานจากที่บ้านมายังที่ทำงานก็เป็นเรื่องง่าย ไม่จำเป็นจะถือเอกสารจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ไปไหนมาไหน เพียงแค่พกแฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive)ที่มีขนาดเล็กก็สามารถทำงานได้ทุกที่เลย เพิ่มความสะดวกให้ได้หลายเท่าเลย

หน่วยความจําสํารอง เล็กที่สุดในโลก
ที่งาน Consumer Electronics Show 2018 (หรือ CES 2018) เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ปอเรชั่น ผู้นำด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการเก็บข้อมูลระดับโลก ได้เปิดตัวหน่วยความจําสํารองหรือที่เรียกว่า แฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive)ขนาด 1TB (เทระไบต์) ที่เล็กที่สุดในโลก สามารถวัดด้วยเครื่องมือวัด เวอร์เนียร์ดิจิตอล มีขนาดเพียง 75.69 มิลลิเมตร x 75.69 มิลลิเมตร x 10.67 มิลลิเมตร แบบพกพาประสิทธิภาพสูงความจุสูงจับเก็บข้อมูลแบบ SSD ที่จำหน่ายภายใต้แบรนด์ แซนดิสก์ (SanDisk) ที่มีความก้าวล้ำที่รองรับคอนเทนท์ส่วนบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้มั่นใจได้ว่าประสบการณ์ส่วนตัวและความทรงจำต่างๆ สามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกหลายปีข้างหน้า

SanDisk Ultra Fit
เวสเทิร์น ดิจิตอล สานต่อความสำเร็จทางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น โดยการนำอนาคตของ แฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive) มาจัดแสดงอุปกรณ์จับเก็บข้อมูลแบบ SSD (Solid-State Drive) ขนาด 75.69 มิลลิเมตร x 75.69 มิลลิเมตร x 10.67 มิลลิเมตร ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกขนาดความจุ 1TB (เทระไบต์) ซึ่งเป็นโซลูชันแบบ USB แฟลชไดร์ฟ(USB Flash Drive) หัวเชื่อมต่อแบบ Type-C ที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถเก็บรักษาคอนเทนท์จำนวนมหาศาลไว้ในอุปกรณ์จัดเก็บที่มีขนาดเล็ก ที่ชื่อว่า SanDisk Ultra Fit™ USB 3.1 Flash Drive แฟลชไดรฟ์ขนาด 256 กิกะไบต์ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก USB ขนาดจิ๋ว ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มรูปถ่าย วิดีโอ เกม และไฟล์เสียงต่าง ๆ ลงบนคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต ทีวี เครื่องเล่นเกม และระบบเครื่องเสียงในรถยนต์

USB 3.1 Flash Drive
ด้วยพื้นที่ความจุขนาด 256 กิกะไบต์ของแฟลชไดร์ฟ(USB 3.1 Flash Drive) และเป็นหน่วยความจําสํารอง SSD (Solid-State Drive) เล็กที่สุดในโลก ขนาดเล็กจิ๋วเพียง 2.98 x 2.98 x 0.42 นิ้ว (75.69 มิลลิเมตร x 75.69 มิลลิเมตร x 10.67 มิลลิเมตร) น้ำหนักเพียง 78.9 กรัม สามารถวัดด้วยเครื่องมือวัด เวอร์เนียร์ดิจิตอล ทำให้ผู้คนใช้งานสามารถเก็บคอนเทนท์ต่าง ๆ ได้มากกว่าเดิมได้ด้วยปลายนิ้วของพวกเขา ซึ่งสามารถเก็บไฟล์รูปถ่ายได้ราว 14,000 ภาพ วิดีโอแบบความละเอียดสูงที่มีความยาว 10 ชั่วโมง และเพลงที่มีจำนวนมากถึง 16,000 เพลง และยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับจัดเก็บไฟล์อื่น ๆ ถึง 64 กิกะไบต์

Cr.Sanook,USB Perfect

22 ม.ค. 2561

โรคความดันสูง เฉียบพลัน รักษาอย่างไร

 โรคความดันสูง เฉียบพลัน รักษาอย่างไร

โรคความดันสูง เฉียบพลัน รักษาอย่างไร


ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าโรคความดันสูงสามารถตรวจพบได้ง่ายแต่มันเป็นความเชื่อที่ผิด 60% ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงมักไม่แสดงอาการที่ผิดปกติใดๆ จนกว่าจะตรวจความดันโลหิต ด้วย เครื่องวัดความดัน ด้วยเหตุนี้ อาการแรกของโรคความดันโลหิตสูงคือ ความดันโลหิตสูงวิกฤต คือภาวะที่ร่างกายมีระดับความดันโลหิตสูงผิดปกติ มีความจำเป็นในการลดระดับความดันโลหิตลงอย่างเฉียบพลันเพื่อป้องกันไม่ให้อวัยวะภายในของผู้ป่วยถูกทำลาย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ณ สิ้นปี พ.ศ. 2559 ปรากฏว่ามีผู้เข้ารับการรักษาโรคความดันโลหิตสูงมากถึง 657,678 ครั้งและกำลังจะเพิ่มขึ้นในปีถัด ๆ ไป โรคนี้จึงกลายมาเป็นโรคที่พบมากที่สุดในประเทศไทย

วัดความดัน ลด โรคความดันสูง
การค้นพบการรักษาโรคความดันโลหิตสูงที่สำคัญที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว แต่เวลาที่ใช้ในการทำความเข้าใจ พัฒนา และให้ความรู้แก่ผู้ป่วย ยังไม่สามารถทำให้เข้าใจภัยร้ายจากความดันโลหิตสูงได้ดี การดูแลสุขภาพด้วยตัวเองให้ห่างจากโรคความดันโลหิตสูงจากที่บ้านด้วย เครื่องวัดความดัน ก็เป็นอีกทางที่ช่วยป้องกันได้ง่าย ๆ แต่น่าเสียดายที่มีประชาชนเพียง 10% ที่ตรวจวัดค่าความดันโลหิตของตัวเองที่บ้าน ในขณะที่ประชาชนจำนวนที่เหลือไม่สนใจตรวจวัดความดันและควบคุมความดันโลหิตรวมทั้งไม่ได้ใส่ใจการดูแลสุขภาพเลย นี่คือเหตุผลที่พบผู้ป่วยที่มีอาการชักตั้งแต่อายุยังน้อยและมีอัตราเสี่ยงในการเสียชีวิตสูง ไม่แปลกใจว่าทำไมคนถึงเรียกโรคความดันโลหิตสูงว่าเป็น "เพชฌฆาตเงียบ"

ตารางค่าความดันโลหิตสูง จาก เครื่องวัดความดัน ตามที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้

ตารางค่าความดันโลหิตสูง จาก เครื่องวัดความดัน ตามที่องค์การอนามัยโลกระบุไว้


อาการ โรคความดันสูง แบบเฉียบพลัน
อาการของความดันโลหิตสูงวิกฤตหรือความดันโลหิตสูงผิดปกติแบบเฉียบพลัน แตกต่างกันไปตามอายุของผู้ป่วย ผู้ป่วยที่มีอายุน้อยมักจะมีอาการหน้าแดง เหงื่อออก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ เจ็บหน้าอก ปวดหัว และปวดปัสสาวะบ่อย ภาวะความเครียดและลักษณะอยู่ไม่นิ่งก็พบได้มากเช่นกัน ในกรณีของผู้ป่วยที่มีอายุมาก ความดันโลหิตสูงวิกฤตมักจะค่อยๆ แสดงอาการในช่วงเวลาหลายชั่วโมง เช่น การใช้ยาที่ไม่สม่ำเสมอ การทานอาหารมากเกินไป และการดื่มเครื่องดื่มในปริมาณที่มากผิดปกติ ร่วมด้วยอาการเจ็บหน้าอก ปวดหัว หน้ามืด และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ป่วยอาจมีอาการมึนงง สับสนความเป็นจริง ปฏิกิริยาเริ่มช้าลง และหมดสติชั่วคราว ความดันโลหิตสูงวิกฤตมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า

โรคความดันสูง ขั้นวิกฤต
ช่วงเวลาเฉลี่ยของการเกิดความดันโลหิตสูงและวิกฤต คือตั้งแต่ 1 ชั่วโมงไปจนถึงหลายวัน ซึ่งจำเป็นต้องลดความดันโลหิตของผู้ป่วยลงอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกลไกการสูบฉีดเลือดกำลังถูกทำลายอย่างรวดเร็ว การไหลเวียนของเลือดยังถูกรบกวนด้วยความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นและส่งผลต่อการควบคุมการเคลื่อนไหวและความผิดปกติของการพูดเช่นกัน ในกรณีของความดันโลหิตที่เพิ่มขึ้นโดยเฉียบพลัน ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะเส้นเลือดแตกได้ หากเกิดขึ้นในสมอง ผู้ป่วยจะเกิดอาการชัก การไหลเวียนของเลือดในสมองถูกรบกวนอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดความผิดปกติของสมอง ผู้ป่วยอาจมีอาการนี้มากกว่า 1 วันและอาจจะเสียชีวิตได้

ความดันสูง โรคสากล 
โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่พบได้มาก ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้นแต่ยังพบได้มากทั่วโลก ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา การออกกำลังกายถือเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลมากที่สุด ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระยะแรกสามารถรักษาโรคให้หายด้วยการออกกำลังกายเพราะเลือดจะสูบฉีดไปเลี้ยงหัวใจอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายช่วยทำให้หลอดเลือดขยายและยืดหยุ่น วิธีนี้คือผู้ป่วยต้องใช้เวลานานและต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำให้หลอดเลือดกลับมาสู่สภาวะปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ใส่ใจสุขภาพดูแลความดันโลหิตอย่าสมำเสมอแต่เนิ่น ๆ ควรมี เครื่องวัดความดัน ประจำบ้าน สามารถลดโรคความดันสูง เฉียบพลันได้

ความดันโลหิต ออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก
หากเรากำลังเข้าข่ายอยู่ในกลุ่มคนที่มีโรคความดันสูงหรืออยู่ในช่วงระยะแรก เราควรหันมาออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที ซึ่งจะสามารถช่วย ลดความดันโลหิต ได้ประมาณ 4-9 มิลลิเมตรปรอท ทั้งนี้เราอาจใช้วิธีการเดิน วิ่งช้า ๆ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้น ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็น วิธีการลดความดันโลหิต ที่ดีทั้งสิ้น เมือออกกำลังกายเป็นประจำน้ำหนักก็ลดลงตาม ซึ่งการที่ร่างกายมีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐาน สามารถส่งผลต่อการหายใจขณะนอนหลับได้และนำไปสู่การมีความดันโลหิตสูงได้ในที่สุด ทั้งนี้การลดน้ำหนักถือว่าเป็นหนึ่งในวิธีการที่มีประสิทธิผลมากที่สุดในการช่วย ควบคุมความดันโลหิต โดยที่ความดันโลหิตจะเริ่มลดลงหากเราสามารถลดน้ำหนักได้ 4.5 กิโลกรัม

Cr.Hyperpressure Blog

วิธีรักษา หลอดเลือดหัวใจตีบ


วิธีรักษา หลอดเลือดหัวใจตีบ 

วิธีรักษา หลอดเลือดหัวใจตีบ



“หลอดเลือดหัวใจตีบ” เป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือหัวใจล้มเหลว ต้นเหตุของการพรากชีวิตของคนที่เรารักไปก่อนเวลาอย่างไม่มีวันกลับ ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือพฤติกรรมวิถีชีวิตและการบริโภคของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป ทำให้เราเสี่ยงเจ็บป่วยมากขึ้น โดยเฉพาะ “โรคหัวใจ” ที่เห็นได้จากสถิติคนไทยที่เป็น “โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ” กันมากเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเส้นเลือดของเรามีขนาดเล็กเพียง 2-4 มิลลิเมตร หากถูกไขมันเกาะหรือพอกสะสม จนทำให้ตีบแคบลงจนเลือดไหลไม่สะดวก ถ้าตีบมากๆ จนเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจได้มากพอ อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันและเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

สาเหตุ โรค“หลอดเลือดหัวใจตีบ”
สาเหตุของโรค“หลอดเลือดหัวใจตีบ”เกิดจากการที่มีไขมันจับที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ เรียกว่า พลัค (Plaque) ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดแข็งหนา รูในหลอดเลือด จึงตีบแคบลง เลือดจึงหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลงเกิดเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ทำให้มีอาการแน่นหน้าอกและเหนื่อยง่ายเวลาออกแรง หยุดพักแล้วดีขึ้น ในผู้ป่วยบางราย พลัค (Plaque) ที่จับที่ผนังหลอดเลือดมีการอักเสบและแตกออก (Plaque rupture) กระตุ้นให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนของเกร็ดเลือดทำให้หลอดเลือด อุดตันทันที ทำให้ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง เหงื่อแตก ตัวเย็น อาจถึงขั้นทำให้หัวใจ หยุดเต้น และถึงขั้นเสียชีวิตได้

ไขมันดี ไขมันเลว และ คลอเลสเตอรอล
ต้นเหตุทำให้เกิดหลอดเลือดตีบตันก็คือการที่มีไขมันในเส้นเลือดสูง ซึ่งปกติร่างกายเรามีไขมัน 2 ชนิด คือไขมันดีและไขมันเลว หรือที่เราเรียกว่า “คลอเลสเตอรอล” สำหรับไขมันดีนั้นทำหน้าที่ช่วยลดการเกาะพอกที่ผนังเส้นเลือด ส่วนไขมันเลวเพิ่มโอกาสการเกาะหรือพอกมากขึ้น ฉะนั้นคนที่เป็นโรคนี้ควรมีไขมันดีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของไขมันเลวเพื่อป้องกันไม่ให้ตีบมากขึ้น ขณะที่ความดันโลหิตสูง เบาหวาน การสูบบุหรี่ ความเครียด และน้ำหนักตัวเกิน ล้วนเป็นปัจจัยส่งผลให้เส้นเลือดตีบเร็วขึ้นได้ทั้งหมด วิธีรักษาจึงควรตรวจวัดความดัน ด้วย เครื่องวัดความดัน อยู่เป็นประจำ และหมั่นออกกำลังกายเพือป้องกันการเกิดความดันโลหิตสูง ความเครียดและเบาหวาน

ปัจจัยเสี่ยง โรค“หลอดเลือดหัวใจตีบ”
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดโรค“หลอดเลือดหัวใจตีบ” ได้แก่ เพศชาย อายุมากกว่า 45 ปี และเพศหญิง อายุมากกว่า 55 ปี สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง แต่ยังไม่ได้เป็นโรคหัวใจ วิธีรักษาก็ควรต้องรักษาควบคุมระดับความดัน และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ป้องกันความดันสูง ก็ควรมี เครืองวัดความดัน ประจำบ้านไว้ แต่ถ้าหากผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากการรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ยังต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร่วมด้วย ได้แก่ การรับประทานอาหารให้ถูกต้องหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หมั่นออกกำลังกาย ลดความเครียด งดการสูบบุหรี่

สร้างเส้นเลือดสำรอง ไม่ต้องทำบอลลูน
แต่มีข่าวดี ที่มงานที มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีงานวิจัยวิธีรักษาผู้ที่มีปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ แทนที่จะไปทำบอลลูน หรือ Bypass สามารถใช้วิธีกระตุ้นเลือดจากขาเข้าสู่หัวใจตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เทคโนโลยีนี้เรียกว่า EECP (Enhanced External Counter Pulsation) ต้องทำครั้งละ 1 ชม อาทิตย์ละ 5 ครั้งเป็นเวลา 7 อาทิตย์ พบว่าผู้ป่วยจะสามารถสร้างเส้นเลือดสำรอง(natural bypass) นี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย ในไทยก็มีเตรื่องมือนี้นะเรียกว่า เครื่องนวดขากระตุ้นการทำงานหัวใจ หรือ Enhanced External Counter Pulsation (EECP)

เส้นเลือดหัวใจ เส้นที่ 4
การรักษาด้วยเครื่อง EECP นี้ ไม่ได้ใส่สารเคมี หรือการสอดใส่เครื่องมืออุปกรณ์หรือผ่าตัดกับร่างกาย แต่เป็นการกระตุ้นร่างกาย ให้เกิดการซ่อมแซมตนเองอย่างธรรมชาติ แต่การกระตุ้นแบบนี้ เราสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ด้วยการวิ่งวันละ 30 นาที อาทิตย์ละ 150 นาที ก็คือ 5 วัน ถ้าเรามีหลอดเลือดหัวใจตีบ ร่างกายจะสร้างเส้นเลือดสำรอง (collateral vessel) ได้ภายใน 2 อาทิตย์ ทั้งนี้คงต้องทำก่อนที่จะตีบจนออกกำลังกายไม่ได้ รู้อย่างนี้แล้ววิ่งวันละ 30 นาที ลด เส้นเลือดหัวใจตีบที่ได้ผล เราควรออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 ครั้ง เพื่อสร้างเส้นเลือดสำรองไปเลี้ยงหัวใจเพิ่มไว้ใช้ เผื่อเส้นเลิอดหัวใจหลักเส้นไหน ตีบตันจะได้มีเส้นเลือดสำรองไว้ใช้ได้เลย และควรวัดความดันด้วย เครื่องวัดความดัน สม่ำเสมอ ก็ช่วยให้เรามีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องกินยา ได้ทั้งสุขภาพหัวใจและสุขภาพกายโดยไม่พึงมีดหมอ

Cr.เดลินิวส์,คมชัดลึก

วิ่งวันละ 30 นาที ลด เส้นเลือดหัวใจตีบ


วิ่งวันละ 30 นาที ลด เส้นเลือดหัวใจตีบ 

วิ่งวันละ 30 นาที ลด เส้นเลือดหัวใจตีบ


ถ้าความดันโลหิตสูงผิดปกตินานๆ หัวใจต้องทำงานหนัก ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นขนาดหัวใจโตขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้อาการ มักจะมีอาการเหนื่อยง่าย หอบเท้าบวมนอนราบไม่ได้นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเลี้ยงอีกด้วย โดยเฉพาะหากความเสื่อมเกิดขึ้นกับหัวใจ ที่สูบฉีดเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงร่ายกายลดลง หากพบความดันโลหิตสูงผิดปกตินานๆจากการวัดด้วย เครื่องวัดความดัน แสดงว่าหัวใจทรุดโทรมลง เส้นเลือดหัวใจตีบ ความทุกข์ย่อมเกิดมากกว่าความสุข ณ ปัจจุบันนี้ โรคหัวใจขาดเลือด โดยเฉพาะที่เกิดจากเส้นเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน เป็นภาวะความเจ็บป่วยที่คนไทยเป็นมากติดอันดับ 1 ใน 3 ของโรคที่คร่าชีวิตไปมากที่สุด

เส้นเลือดหัวใจ 4 เส้น
ปกติเราจะมีเส้นเลือดไปเลี้ยงหัวใจหลักๆ 3 เส้น (บางคนมี 4 เส้น แต่เป็นคนส่วนน้อย) ปกติเวลาเส้นเลือดหัวใจตีบก็คือสามเส้นนี้แหละ แต่ที่หมอไม่ค่อยบอกคือ เรามีเส้นเลือดฝอยเล็กๆที่ส่งไปเลี้ยงหัวใจอีกเต็มไปหมด แต่เส้นเลือดฝอยเหล่านี้มันจะเล็กเกินไปที่จะเอาเลิอดไปเลี้ยงหัวใจ ยกเว้นแต่เรากระตุ้นให้เกิดเลือดไหลเวียนไปทางเส้นเลือดฝอยเหล่านี้ ก็จะทำให้ขนาดเส้นเลิอดโตขึ้นได้เป็น 5 เท่า ทำให้มันมีความสามารถเพียงพอที่จะเอาไปเลี้ยงหัวใจได้ เราเรียกว่า natural bypass เส้นเลิอดฝอยที่ขึ้นมาแทนเส้นเลือดหลักที่ตีบได้เราเรียกว่า collateral vessel

บอลลูน หรือ Bypass
ที่มหาวิทยาลัย Harvard มีงานวิจัย โดยผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ แทนที่จะไปทำบอลลูน หรือ Bypass สามารถใช้วิธีกระตุ้นเลือดจากขาเข้าสู่หัวใจตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เทคโนโลยีนี้เรียกว่า EECP (Enhanced External Counter Pulsation) ต้องทำครั้งละ 1 ชม อาทิตย์ละ 5 ครั้งเป็นเวลา 7 อาทิตย์ พบว่าผู้ป่วยจะสามารถสร้าง natural bypass นี้ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดเลย ในไทยก็มีเตรื่องมือนี้นะเรียกว่า เครื่องนวดขากระตุ้นการทำงานหัวใจ หรือ Enhanced External Counter Pulsation (EECP)

เครื่องนวดขากระตุ้นการทำงานหัวใจ
เครื่องนวดขากระตุ้นการทำงานหัวใจ (EECP) เป็นเครื่องมือที่ประเทศไทยมีใช้มากว่า 10 ปีแล้ว หลักการคือการเพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงหัวใจเพิ่มขึ้น โดยผ่านการบีบของถุงลมที่รัดรอบขาและสะโพก เป็นจังหวะ ประสานกับการเต้นของหัวใจ คล้ายๆ กับการวิ่งออกกำลังกาย ซึ่งการวิ่ง กล้ามเนื้อขาจะบีบและคลายตัวเพื่อส่งเลือดกลับสู่หัวใจ แต่ EECP ถ้านอนเฉยๆ ถุงลมจะบีบเลือดกลับเข้าสู่หัวใจให้แทน การบีบและคลายตัวของถุงลมตามจังหวะการเต้นของหัวใจนั้น จะทำให้เลือดกลับเข้าสู่หัวใจมากขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจจะได้รับเลือดเพิ่มขึ้น การบีบตัวของหัวใจจะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และช่วยทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น

ป้องกัน หัวใจวาย หัวใจล้มเหลว
จากการศึกษาในผู้ป่วยที่เจ็บหน้าอกจากเส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด พบว่า EECP ทำให้ผู้ป่วย 80% ดีขึ้น และผู้ป่วยที่ดีขึ้นกว่า 70% อาการจะคงอยู่นาน 2-5 ปี ความดันลดลงที่วัดได้จาก เครื่องวัดความดัน จากการรักษาด้วยเครื่องนวดขากระตุ้นการทำงานหัวใจ (EECP) 1 คอร์ส คือ 35 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง ทุกวันอย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ โดยสามารถรักษาแบบไปกลับได้ เครื่อง EECP จะช่วยกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดฝอย ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ และทางการแพทย์พบว่า ยังช่วยลดภาวะการอักเสบของหลอดเลือด ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจขาดเลือดได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังช่วยลดอาการหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

ไม่ต้องผ่าตัด รักษาหัวใจตีบ ได้ผล
ปัจจุบันยังถูกนำมาใช้ในผู้ป่วยหลายประเภท เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ อัมพฤกษ์ อัมพาต ขากระตุก เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น การรักษาด้วยเครื่อง EECP นี้ ไม่ได้ใส่สารเคมี หรือการสอดใส่เครื่องมืออุปกรณ์หรือผ่าตัดกับร่างกาย แต่เป็นการกระตุ้นร่างกาย ให้เกิดการซ่อมแซมตนเองอย่างธรรมชาติ แต่การกระตุ้นแบบนี้ เราสามารถทำเองได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ ด้วยการวิ่งวันละ 30 นาที อาทิตย์ละ 150 นาที ก็คือ 5 วัน ถ้าเรามีเส้นเลือดหัวใจตีบ ร่างกายจะสร้าง collateral vessel ได้ภายใน 2 อาทิตย์ ทั้งนี้คงต้องทำก่อนที่จะตีบจนออกกำลังกายไม่ได้

วิ่งวันละ 30 นาที ลด เส้นเลือดหัวใจตีบ ที่ได้ผล
รู้อย่างนี้แล้ววิ่งวันละ 30 นาที ลด เส้นเลือดหัวใจตีบที่ได้ผล เราควรออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 ครั้ง เพื่อสร้าง collateral vessel ไว้ใช้ เผื่อเส้นเลิอดหัวใจหลักเส้นไหน ตีบตันจะได้มีเส้นเลือดสำรองไว้ใช้ได้เลย และควรวัดความดันด้วย เครื่องวัดความดัน สม่ำเสมอ ก็ช่วยให้เรามีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องกินยา น่าสนใจไหมละ

Cr.ประชาชาติธุรกิจ

10 ม.ค. 2561

เครื่องตรวจจับโลหะ โรงพยาบาล ชลบุรี

เครื่องตรวจจับโลหะ โรงพยาบาล ชลบุรี


เครื่องตรวจจับโลหะ โรงพยาบาลชลบุรี


ความเลือดร้อนของคนเรานั้น มักเกิดให้เห็นค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ยิ่งมีโลกโซเชียลฯ ให้ระบายได้ทุกเรื่อง เราก็เลยได้เห็นคลิป หรือภาพเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท เห็นความป่าเถื่อนชัดเจน อย่างกรณีเมื่อปี 59 ช่วงเดือน มิ.ย. คลิปที่ถูกพูดถึงทั่วโลกออนไลน์ วัยรุ่นยกพวกตีเละในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลชุมพร โชคดีที่ หมอ หรือ พยาบาล ไม่โดนลูกหลงไปด้วย ถ้าหากไม่โชคดี...มีใครถูกลูกหลง คนเจ็บก็จะเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เผลอๆ คนที่เจ็บเพิ่ม อาจจะเป็นหมอ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ รวมถึงญาติคนไข้ เพราะพักหลังเหตุทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาล เกิดขึ้นให้เห็นบ่อย

ความปลอดภัยของหมอ พยาบาล
คลิปเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์ แล้วเป็นห่วงความปลอดภัยของหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ต้องเผชิญกับภาวะทางอารมณ์ต่างๆ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อารมณ์ของญาติแต่ละคนไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลชลบุรี โดย นพ.ชุติเดช ตาบ-องครักษ์ ผอ.โรงพยาบาลชลบุรี มีแนวทางป้องกันเหตุด่วนเหตุร้ายในโรงพยาบาล จึงมีโครงการติดตั้งระบบความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าทีโรงพยาบาล อาทิ เช่น ประตูไฟฟ้า เครื่องตรวจจับโลหะ สแกนวัตถุโลหะตรวจอาวุธ เช่น มีด ปืนพก เป็นต้น แนวคิดนี้คุณหมอบอกว่า ตรงตามมาตรฐานหลักสากล การจัดแวดล้อมในห้องฉุกเฉินให้ปลอดภัย

โรงพยาบาลชลบุรี & เครื่องสแกนโลหะ
โรงพยาบาลชลบุรีมีเครื่องสแกนอาวุธ ก่อนเข้า ER (ห้องฉุกเฉิน) ประกอบไปด้วย เครื่องตรวจจับโลหะ อุปกรณ์สำหรับใช้งานด้านรักษาความปลอดภัยเหมาะสำหรับใช้ตรวจค้นโลหะหรืออาวุธพกพา เช่น มีด ปืนพก เป็นต้น ใช้สำหรับตรวจค้นตามสถานที่ต่างๆ เพื่อความปลอดภัย เช่น สนามบิน, ท่าเรือ, ศูนย์การค้า, ศูนย์แสดงสินค้าต่างๆ ฯลฯ เครื่องตรวจจับโลหะ มีปลอกหนังหุ้มสามารถใช้ยึดกับเข็มขัดพกพาสะดวก ใช้งานง่ายใส่ถ่าน 9V เปิดสวิตช์ตรวจจับโลหะได้ทันที สามารถตั้งการแจ้งเตือนได้ทั้งแบบสั่น และแบบสัญญาณเสียง ป้องกันการนำอาวุธเข้าห้องฉุกเฉิน เช่นเดียวกับสนามบิน

ห้องฉุกเฉินอุ่นใจ
นอกจากมีเครื่องตรวจจับโลหะ แล้วยังมี ประตูอัตโนมัติ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า จากคีย์การ์ด (Key Card) ไร้สายระยะไกล ป้องกันกันญาติและคู่อริวิ่งเข้ามาในห้องฉุกเฉิน และ ไม้กระดกกั้นประตู ยกอัตโนมัติ แบบเดียวกับทางด่วน กันคนไปยืนออหน้าประตู และบังคับให้เดินผ่านที่ตรวจอาวุธ ห้ามนำโลหะเข้ามา หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่จะก่ออันตราย แม้กระทั่งพฤติกรรมญาติบางราย ใช้เก้าอี้ในห้องฉุกเฉินทุ่มใส่หมอ พยาบาล ที่ใช้กันแพร์หลายใน สนามบิน โรงเรียน โรงพยาบาล สถานทูต ศูนย์การค้า ศูนย์การแสดงสินค้า และการใช้งานในที่ต่าง ๆ ที่มีความต้องการความปลอดภัยสูง ซึ่งเรื่องนี้ช่วยให้หมอ พยาบาลที่ทำงานในห้องฉุกเฉินอุ่นใจมากขึ้น

ความปลอดภัย 24 ชม.
ผอ.โรงพยาบาลชลบุรีกล่าวเพิ่มเติมว่าทำแล้วต้องให้ครบวงจร มีรปภ. 24 ชม. ญาติจะเข้าได้เฉพาะคนที่ให้ข้อมูล ไม่มารุมมาตุ้มเหมือนที่เราเห็นภาพกันชินตา เมื่อตรวจอาวุธด้วยเครื่องตรวจจับโลหะแล้ว ถ้ารปภ.ไม่สแกนบาร์โค้ดด้วยเครื่องอ่านบาร์โค้ดที่ประตูอีกชั้น ก็ยังเข้าไปไม่ได้ ส่วนไม้กั้นจะเปิดเมื่อเวรเปลเข็นผู้ป่วยเข้ามา ระยะ 10 เมตร เครื่องจะทำงานโดยอัตโนมัติ สแกนบัตรที่เวรเปลใช้คล้องคออยู่ด้วยระบบไฟฟ้า จะเข้าไม่ได้ก็ต่อเมื่อบัตรหาย ลืมบัตร และมีห้องพักญาติ คลายความตึงเครียด ต้องมีระบบเรียกญาติด้วย 

โรงพยาบาล แห่ง ความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม หนึ่งความคิดเห็นจาก พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา แนะนำว่า ห้องฉุกเฉินวันนี้ ไม่ใช่ที่ๆ ปลอดภัยสำหรับทุกคน จากเดิมเป็นที่รักษาคนไข้ฉุกเฉิน วันนี้บางที่เป็นที่พบความขัดแย้ง ระหว่างคู่อริบุกทำร้ายคนไข้ หรือญาติเมายา สุรา เตะหมอ แทงพยาบาล ข่มขู่ด้วยอาวุธ การมีมาตรการความปลอดภัยมากขึ้นในโรงพยาบาลบางแห่ง ตอบโจทย์ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อยากให้ผู้บริหารเห็นความสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะในห้องฉุกเฉิน แต่รวมถึงการเดินทางไปกลับหอพักยามค่ำคืนด้วยเพื่อความปลอดภัยของหมอและพยาบาล หลังจากที่มีข่าวทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์บ่อยๆ

Cr.ข่าวเดลินิวส์

9 ม.ค. 2561

เครื่องตรวจโลหะ สนามบิน

เครื่องตรวจโลหะ สนามบิน

เครื่องตรวจโลหะ สนามบิน


ท่านที่เคยโดยสารเครื่องบินมาแล้ว คงคุ้นเคยดีกับภาพของเจ้าหน้าที่สนามบิน ถือวัตถุรูปลักษณะเป็นแท่งยาวๆ อันหนึ่งยกกวาดไปตามลำตัว ของผู้โดยสารตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยปราศจากรังสีใดๆ ที่สามารถมองเห็นได้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะให้ผ่านไปได้หากไม่มีเสียงสัญญาณเตือน เจ้าวัตถุรูปแท่งที่ว่านี้ก็คือเครื่องตรวจโลหะ (METAL DETECTOR)นั่นเอง หลายคนอาจสงสัยว่าเจ้า เครื่องตรวจโลหะ (METAL DETECTOR)ที่ว่านี้ทำงานได้อย่างไร วันนี้เราจะมาค้นหาคำตอบกัน

หลักการทำงาน เครื่องตรวจโลหะ
อาศัยหลักที่ว่า วัตถุที่นำไฟฟ้า เช่น โลหะ จะตอบสนองต่อ สนามแม่เหล็กไฟฟ้า แตกต่างจากวัตถุที่ไม่นำไฟฟ้า หัวตรวจจับโลหะมีหลายชนิด แต่มีหลักการทำงานใกล้เคียงกัน คือ เมื่อเปิดเครื่องตรวจจับโลหะ กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าไปยัง ขดลวดโลหะที่ปลายหัวตรวจจับ ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กขึ้น โดยมีขั้วอยู่ในแนวตั้งฉาก กับทิศทางของขดลวด หากสนามแม่เหล็กดังกล่าวไปกระทบกับวัตถุที่นำไฟฟ้าได้ดี เช่น โลหะ จะกระตุ้นให้วัตถุดังกล่าวนั้น เกิดสนามแม่เหล็กอ่อนๆ ในทิศทางตรงข้ามกัน ทำให้สนามแม่เหล็กที่สะท้อนกลับมา สู่หัวตรวจจับเกิดการเปลี่ยนเฟส ยิ่งวัตถุมีการนำไฟฟ้าดีมากขึ้น การเปลี่ยนเฟสก็มากขึ้นตามด้วย จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้สามารถทราบได้ว่า มีวัตถุที่ทำจากโลหะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงหรือไม่

ความไว เครื่องตรวจโลหะ
เครื่องตรวจโลหะ (METAL DETECTOR)ส่วนใหญ่ สามารถตรวจจับวัตถุที่อยู่ลึกลงไปจากผิวหน้า 8-12 นิ้ว เข็มหมุดในระยะ 35 mm ปืนพกในระยะ 150 mm มีดยาว 6 นิ้ว ในระยะ 180 mm โลหะทรงกลมรเส้นผ่านศูนย์กลาาง 20 mm ในระยะ 100 mm เหรียญ ≥ 5 cm ความสามารถในการตรวจจับวัตถุ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ นอกจากชนิดและความไวของหัวตรวจจับแล้ว ชนิดของโลหะ ก็มีผลต่อการตรวจจับด้วย โลหะบางชนิด เช่น เหล็ก สามารถสร้างสนามแม่เหล็กได้แรงกว่าโลหะอื่น การตรวจจับจึงทำได้ง่าย ขนาดของวัตถุก็มีส่วนสำคัญ วัตถุที่มีขนาดเล็กถูกตรวจจับได้ยากกว่าวัตถุขนาดใหญ่ เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงสามารถพกเหรียญ หรือลูกกุญแจเข้าไปได้ โดยที่เครื่องตรวจจับ ไม่ส่งสัญญาณเตือนแต่อย่างใด

ตรวจจับโลหะ สนามบิน, รถไฟฟ้า, ห้างสรรพสินค้า
นอกจากนั้นแล้วความสามารถในการตรวจจับวัตถุยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย เช่น มีวัตถุที่สามารถป้องกันสนามแม่เหล็ก ไม่ให้ผ่านไปถึงวัตถุที่จะตรวจจับหรือไม่ เป็นต้น เครื่องตรวจโลหะ (METAL DETECTOR)สมัยใหม่ นอกจากตรวจจับได้ว่า มีวัตถุที่ทำจากโลหะได้แล้ว ยังสามารถระบุขนาด และความลึกของวัตถุอย่างคร่าวๆ ได้อีกด้วย ใช้สำหรับตรวจจับโลหะตาม สนามบิน,รถไฟฟ้าบีทีเอส,รถไฟฟ้า mrt,, ท่าเรือ ฯลฯ และยังตรวจจับโลหะเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าตามสถานที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้า หรือชายแดน ฯลฯ

ตรวจหาโลหะ ในดินหรือหิน
เครื่องตรวจโลหะ (METAL DETECTOR) นอกจากใช้ในสนามบิน และตามอาคารสถานที่สำคัญ เพื่อการรักษาความปลอดภัยแล้ว เครื่องตรวจจับโลหะยังมีการนำไปใช้ในงานด้านอื่นได้อีก เช่น ใช้ในการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของท่อ หรือสายเคเบิลที่ฝังอยู่ในอาคาร ตรวจหาส่วนประกอบโลหะในดินหรือหิน รวมทั้งใช้ในการสืบหาวัตถุโบราณ ที่ทำจากโลหะที่ฝังอยู่ใต้ดิน เพื่อประโยชน์ในทางโบราณคดีได้อีกด้วย

Cr.Material Chula

8 ม.ค. 2561

เครื่องตรวจจับโลหะ ไปรษณีย์ไทย

เครื่องตรวจจับโลหะ ไปรษณีย์ไทย

เครื่องตรวจจับโลหะ ไปรษณีย์ไทย


สำหรับกรณีที่ ทอท. ไม่อนุญาตให้ไปรษณีย์ไทยขนส่งไปรษณีย์ของผู้ใช้บริการผ่านทางท่าอากาศยาน 6 แห่งทั่วประเทศ ดังกล่าว นั้น บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ชี้แจงว่าในการขนส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ของผู้ใช้บริการจากทั่วประเทศนั้น ไปรษณีย์ไทยใช้การขนส่งทางถนนเป็นเส้นทางหลักในการดำเนินงานตามปกติ โดยศูนย์ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศมี เครื่องตรวจจับโลหะ (METAL DETECTOR) สามารถตรวจจับได้ทั้งอาวุธมีดมีคมหรือวัตถุโลหะอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในไปรษณียภัณฑ์ แล้วจึงทำการแยกไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) และไปรษณียภัณฑ์ธรรมดา โดยมีรถขนส่งไปรษณีย์สำหรับขนส่งไปรษณียภัณฑ์ทุกประเภทวิ่งรับ – ส่งสิ่งของที่ฝากส่งจากผู้ใช้บริการกว่าสองพันเที่ยวต่อวัน ครอบคลุมทุกที่ทำการไปรษณีย์และศูนย์ไปรษณีย์ทั่วประเทศ

งดขนส่งพัสดุ ท่าอากาศยาน
การไม่อนุญาตให้ไปรษณีย์ไทยขนส่งไปรษณีย์ของผู้ใช้บริการผ่านทางท่าอากาศยาน 6 แห่งทั่วประเทศนั้น การขนส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ผ่านทางท่าอากาศยานนั้น เป็นเพียงอีกเส้นทางการขนส่งเท่านั้น แต่การขนส่งผ่านทางท่าอากาศยานนั้น เจ้าหน้าที่จะได้รับไปรษณียภัณฑ์เร็วขึ้น ซึ่งทำให้มีเวลาในการคัดแยกไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นไม่ว่าจะขนส่งทางถนนหรือทางท่าอากาศยานต้องดำเนินการตรวจสอบไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นด้วย เครื่องตรวจจับโลหะ (METAL DETECTOR) เพื่อป้องกันวัตถุระเบิดทั้งอาวุธมีดมีคมหรือวัตถุโลหะอื่นๆ ที่ซ่อน แล้วจึงคัดแยกเส่งต่อไปเตรียมการนำจ่ายพร้อมกันในช่วงเช้า

ตรวจจับโลหะ ก่อนนำจ่ายทั่วประเทศ
สำหรับการดำเนินงานด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยในการฝากส่งสิ่งของของไปรษณีย์ไทยนั้น ปัจจุบันมีการเปิดจุดให้บริการหุ้มห่อสิ่งของ พร้อมตรวจสอบสิ่งของก่อนการฝากส่ง รวมไปถึงมีมาตรการให้ผู้ใช้บริการแสดงบัตรประจำตัวประชาชนทุกครั้งก่อนการฝากส่ง ซึ่งทำให้ปัญหาการลักลอบส่งสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติดและอาวุธปืน มีอัตราลดน้อยลง นอกจากนี้ ศูนย์ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศยังมีการติดตั้งเครื่องตรวจจับโลหะ (METAL DETECTOR) สแกนโลหะทั้งอาวุธมีดมีคมหรือวัตถุโลหะอื่นๆและวัตถุระเบิด ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้นก่อนการส่งต่อไปนำจ่ายทั่วประเทศ

ความปลอดภัย ไปรษณีย์ไทย
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ขอยืนยันว่า การประกาศงดรับ – ส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ผ่านท่าอากาศยาน 6 แห่งทั่วประเทศ นั้นไม่ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยการให้บริการของไปรษณีย์ไทยและต่อผู้ใช้บริการอย่างแน่นอน โดยไปรษณีย์ไทยจะดำเนินการขนส่งสิ่งของที่ฝากส่งทางไปรษณีย์ผ่านทางถนนทั้งหมด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมทั้งเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ในการคัดแยกไปรษณียภัณฑ์เพื่อส่งต่อไปยังปลายทางให้เป็นตามมาตรฐานที่ไปรษณีย์ไทยกำหนดไว้ และพร้อมดำเนินการปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)

Cr.ประชาชาติธุรกิจ

6 ม.ค. 2561

สแกนเอกสารลงคอม ง่ายนิดเดียว

สแกนเอกสารลงคอม ง่ายนิดเดียว

สแกนเอกสารลงคอม ง่ายนิดเดียว


ในแต่ละวัน ภาคธุรกิจและหน่วยงานต่างๆ ได้สร้างเอกสารใหม่ขึ้นมาอย่างมากมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่ายังคงจะมีมากขึ้นๆ และต้องการพื้นที่เพื่อการจัดเก็บเอกสารเหล่านี้ โชคดีที่ เครื่องสแกนแบบพกพา (PORTABLE SCANNER) ในปัจจุบันสามารถแก้ปัญหานี้ได้สามารถสแกนเอกสารลงคอม เลือกสแกนได้ทั้งเอกสารและรูปภาพสีหรือขาวดำ บันทึกไฟล์เป็น jpg และ pdf มาพร้อมกับแผ่น CD ซอฟแวร์ OCR ที่ช่วยให้คุณสามารถแปลงรูปภาพหรือเอกสารที่มีตัวอักษรอยู่ สามารถนำไปแปะลงบนโปรแกรม Microsoft Word และสามารถแก้ไขตัวอักษรได้เองอย่างสะดวก ใช้งานได้อย่างง่ายดาย

สแกนเนอร์ & ไฟล์รูปภาพ
มันแน่นอนว่า คุณสามารถสแกนเอกสารลงคอมของคุณได้ แต่สแกนเนอร์ทำได้เพียงผลิตไฟล์รูปภาพ (image) ซึ่งเป็นเพียงวิธีการจับข้อมูลอักขระที่ถูกพิมพ์ไว้บนเอกสารกระดาษ ที่ซึ่งไม่สามารถทำการแก้ไขข้อความ โดยใช้โปรแกรมแก้ไขข้อความทั่วๆไป เช่น Notepad เป็นต้นได้ แต่เจ้าตัวซอฟแวร์ OCR คือเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้เพื่อแยกข้อมูลจำพวกอักษร/อักขระออกมาจากฟอร์มเอกสารที่เป็นรูปภาพ และจากนั้นก็นำมาสร้างเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ชิ้นใหม่ที่เสมือนถูกทำซ้ำมาจากเอกสารต้นฉบับดังกล่าว

โปรแกรมแปลงไฟล์ OCR
ซอฟต์แวร์ OCR นี้ อนุญาตให้คอมพิวเตอร์สามารถอ่านข้อมูลตัวอักษรที่ผ่านการสแกนเอกสารลงคอมด้วย เครื่องสแกนแบบพกพา (PORTABLE SCANNER) โดยสามารถแยกข้อมูลชนิดข้อความออกจากข้อมูลชนิดรูปภาพ และองค์ประกอบรูปแบบประเภทอื่นๆได้ สามารถเรียนรู้ และวิเคราะห์ข้อมูลชนิดตารางได้ และอื่นๆ หลังจากกระบวนการการรู้จำข้อมูลเสร็จสมบูรณ์ คอมพิวเตอร์จะประกอบข้อมูลใหม่ทั้งเอกสาร ที่มีรูปร่างหน้าตาของโครงสร้างเอกสารจะคล้ายกับเอกสารต้นฉบับเลยทีเดียว! แถมยังเอื้อให้สามารถเกิดการแก้ไขรูปแบบ ตัวอักษร ขนาดของข้อมูลภายในเอกสารที่ถูกสร้างใหม่นี้ได้ด้วย ซึ่งวิธีการนี้ส่งผลให้เกิดความสะดวกมากกว่าวิธีการดั่งเดิมที่ต้องพิมพ์ข้อมูลลงไปในเอกสารใหม่ ด้วยมือ

สแกนเอกสาร PDF & JPG
เพื่อให้เห็นภาพของ พลังความสามารถของเจ้าซอฟแวร์ OCR นี้ ให้เราดูที่ตัวอย่างจริง โดยจินตนาการถึง สถานีตำรวจที่มีบันทึกข้อมูลทางอาญาทั้งหมดเก็บไว้ในตู้เอกสารขนาดใหญ่มาก ถึงแม้ว่าการสแกนเอกสารลงคอมจากเอกสารนับล้านแผ่น จะมีต้นทุนราคาที่ค่อนข้างแพง และใช้เวลาเป็นอย่างมาก แต่ประโยชน์ที่ได้จากการใช้ เครื่องสแกนแบบพกพา (PORTABLE SCANNER) สแกนเอกสารเหล่านี้กลับมีค่าอย่างมหาศาล เมื่อได้เจ้าซอฟแวร์ OCR นี้มาช่วยงาน มาทำการแปลงไฟล์ pdf และ jpg ที่ได้จากสแกนเนอร์แล้วสามารถแปลงรูปภาพหรือเอกสารที่มีตัวอักษรอยู่ ให้กลายเป็นข้อความซึ่งคอมพิวเตอร์สามารถอ่าน และเข้าใจได้

ประหยัดเวลา ค้นหาไฟล์เอกสาร
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานสืบสวน สามารถค้นหาข้อมูลประวัติอาญากรรมทั้งหมดได้ภายในไม่กี่วินาที ซึ่งในทางกลับกัน หากต้องค้นหาระเบียนข้อมูลข้างต้นด้วยตนเอง ด้วยวิธีดั่งเดิม คือค้นหาตามแฟ้มเอกสาร อาจจะไม่ยากเกินไปนัก แต่ละนึกดูว่า หากพนักงานสืบสวนต้องค้นหาทุกระเบียนอาญากรรมที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 8.00 ถึง 8.30 เข้าจะทำอย่างไร และนี่ก็เหตุผลเดียวที่หลาย ๆ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้มีสแกนเอกสารลงคอมเพื่อการจัดเก็บเอกสารขึ้นบนคอมพิวเตอร์ที่สามารถแก้ไขเอกสารที่ได้จากสแกนเนอร์โดยผ่านเจ้าตัวผู้ช่วยอย่าง เจ้าซอฟแวร์ OCR นี้ ประหยัดทั้งเวลาและทรัพยากรบุคคลได้เป็นอย่างมาก

Cr.เอ็นทูเอ็น โซลูชั่น

สังคมไร้เงินสด ผ่าน เครื่องสแกน

สังคมไร้เงินสด ผ่าน เครื่องสแกน

สังคมไร้เงินสด ผ่าน เครื่องสแกน


เป็นยุคที่หลายประเทศทั้งพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาต่างพยายามผลักดันประเทศให้เข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) โดยการสนับสนุนให้พัฒนาระบบที่ทำให้ผู้บริโภคสามารถจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องพกพาเงินสดแม้แต่น้อย โดยผ่านระบบ e-payment หรือการชำระเงินผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เหตุผลก็เพื่อช่วยลดต้นทุนจากที่ไม่ต้องมีการพิมพ์เงิน รัฐบาลจะได้ลดการพิมพ์ธนบัตรหรือผลิตเงินเหรียญออกมาซึ่งเป็นกระบวนการที่มีต้นทุนสูง แล้วไม่ต้องกังวลหา เครื่องสแกน(Scanner) ตรวจธนบัตรปลอม ขณะเดียวกัน ก็สร้างความสะดวกสบายและปลอดภัยให้กับผู้บริโภคที่ไม่ต้องพกพาเงินสด

เครื่องสแกน QR Code 
สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) คือ สังคมที่จะไม่ใช้เงินสดเลย ไม่ว่าจะขึ้นรถเมล์ ซื้อน้ำดื่มจากร้านสะดวกซื้อ หรือแม้กระทั่งซื้อหนังสือพิมพ์ นิตยสารตามท้องถนนก็มีการวาง QR Code เพียงแค่ใช้ เครื่องสแกน (Scanner) บนมือถือสแกนข้อมูลก็ตัดบัญชีกันได้เลย เพราะการมาของเทคโนโลยีทำให้เราสามารถทำทุกอย่างผ่านออนไลน์ได้หมด แม้กระทั่งการจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ซื้อสินค้าและชำระเงินด้วยการสแกนผ่าน เครื่องสแกน (Scanner)เพราะทุกอย่างสามารถจ่ายผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น Mobile Banking บัตรเครดิต บัตรเดบิต ทั้งสิ้น รวมไปถึงการสมัครบัตรต่างๆก็สามารถ สมัครบัตรเครดิตออนไลน์ ได้ด้วยซ้ำไป

อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง
สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) กำลังขยายตัวในเอเชียโดยที่ผู้บริโภคได้รับแรงจูงใจจากบริการต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นชำระเงินบนสมาร์ทโฟน หรืออินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ไปดูกันที่จีนแผ่นดินใหญ่ จากสังคมที่ใช้เงินสดเป็นหลักมานานและล้าหลังกว่าหลายประเทศในเรื่องการใช้บัตรเครดิต ปัจจุบันระบบการชำระค่าสินค้าแบบไร้เงินสดหรืออินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งเป็นที่นิยมอย่างมาก ผลสำรวจพบว่า 70% ของชาวจีนก้าวเท้าออกจากบ้านโดยไม่พกเงินสด และปี 2016 ที่ผ่านมา ผู้ใช้ระบบ e-payment มีจำนวน 469 ล้านคน คิดเป็น 2 ใน 3 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั้งหมด โดยเพิ่มจากปีก่อนหน้า 30% โดยยอดชำระเงินผ่าน mobile payment มีมูลค่าก 38.6 ล้านล้านหยวนหรือเพิ่มขึ้นกว่า 200% เลยทีเดียว

บริการ e-wallet
เหตุที่กระแส e-payment แพร่หลายในจีนเนื่องจากรัฐบาลคลายกฎเหล็กและสนับสนุนบริษัทในประเทศ จึงทำให้เกิดบริการ e-wallet จากค่ายต่าง ๆ แต่ที่ได้รับความนิยมสุดก็ AliPay และ WeChat เป็นที่คาดว่าระบบการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนจะกลายเป็นช่องทางการชำระเงินหลักในอนาคต ขนาดในจีน เคยมีคลิปขอทานพกเครื่องสแกนแบบพกพา (Portable Scanner) ตระเวนขอเงินผู้ใจบุญ ใครต้องการบริจาคก็แค่สแกนข้อมูลบน QR Code เพื่อบริจาคเงินแล้วแยกย้าย คือง่ายและสะดวกขนาดนั้น ประเทศไทยเราก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับประเด็นนี้ รัฐบาลก็มีการปรับตัวให้เข้ากับสังคมไร้เงินสดอยู่พอสมควร เห็นได้จากเครื่องมือแรกที่ออกมาก็คือ “Promtpay“ อินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง จากที่ใช้งานมาสักระยะนึง ต้องบอกว่าไม่เลวเหมือนกัน

Cr.สนุกดอทคอม

สแกนลายนิ้วมือ แทน Boarding Pass

สแกนลายนิ้วมือ แทน Boarding Pass

สแกนลายนิ้วมือ แทน Boarding Pass


แม้ว่าเทคโนโลยีการสแกนลายนิ้วมือนั้น เราจะรู้จักและใช้กันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการระบุตัวตนในการเข้าในอาคารสถานที่ การเก็บข้อมูลทางภาครัฐ หรือแม้กระทั่งใช้งานบนสมาร์ทโฟน แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่สายการบินรายใหญ่อย่าง Delta Airline ได้ริเริ่มใช้งานการสแกนลายนิ้วมือสำหรับยืนยันตัวตนผู้โดยสารแทนการสแกน Boarding Pass ผ่าน เครื่องสแกน เวลาขึ้นเครื่องอย่างเต็มรูปแบบ

สแกนลายนิ้วมือ ผู้โดยสาร
รูปแบบการสแกนลายนิ้วมือเพื่อยืนยันสิทธิ์การโดยสารเครื่องบินของสายการบิน Delta Airline นั้น แทบจะไม่ต่างกับการอนุญาตให้ผู้โดยสารเช็คอินผ่านตู้อัตโนมัติปกติเลยแม้แต่น้อย โดยผู้โดยสารสามารถเข้าไปใช้นิ้วมือ 2 นิ้วที่กำหนด แทนการสแกน Boarding Pass ผ่านเครื่องสแกนก็จะสามารถโหลดสัมภาระได้เรียบร้อยแล้วเดินทางขึ้นเครื่องบินได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ โดยทางสายการบิน Delta นั้นได้กล่าวว่า ระบบนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดภาระงานของพนักงานจากการตรวจเอกสาร Passport tและการสแกน Boarding Pass เป็นรายคน เพื่อทุ่มเทเวลาไปกับงานบริการด้านอื่นได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

สแกนลายนิ้วมือ สายการบิน
แต่ถึงแม้จะสะดวกและรวดเร็วมากมาย แต่ด้วยความที่เป็นสายการบินซึ่งต้องการระดับความปลอดภัยสูงเป็นปกติ ผู้โดยสารที่ต้องการบริการตนเองโดยการตรวจสอบตัวตนโดยใช้งานระบบสแกนนิ้วมือแบบใหม่นี้ แทนการสแกน Boarding Pass ผ่าน เครื่องสแกน เพื่อขึ้นเครื่องนั้น ถูกจำกัดเอาไว้เฉพาะกับผู้โดยสารอย่างเป็นทางการของ Delta Airline เท่านั้น รวมถึงจะเป็นต้องสมัครการใช้งานโปรแกรม CLEAR ซึ่งเป็นบริการรักษาความปลอดภัยของสนามบินโดยเฉพาะ

สแกนลายนิ้วมือ สนามบิน
ระบบการตรวจสอบการสแกนลายนิ้วมือสำหรับยืนยันตัวตนผู้โดยสารที่มีประสิทธิภาพนี้แทนการสแกน Boarding Pass ผ่านเครื่องสแกนก่อนขึ้นเครื่องบิน สายการบินที่ให้บริการนี้จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีราวๆ 179 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6,000 บาท) ซึ่งถือเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อแลกกับความสะดวกนั่นเอง รวมถึงระบบสแกนนี้ในปัจจุบันยังมีให้ใช้เพียงสนามบิน Reagan Washington National Airport เท่านั้น หากหลายๆ คนอยากจะลองใช้ระบบนี้บ้าง คงจะต้องรอกันต่อไปอีกนานซักหน่อย

Cr.ดิจิตอลเอจ