สแกนเนอร์ (paper Scanner) มีให้เลือกหลายแบบและมีราคาที่แตกต่างกันไป ควรกำหนดงบประมาณที่สอดคล้องกับความต้องการใช้งาน ใช้สแกนเอกสารเพียงครั้งคราว หรือเพื่อเน้นการทำงานที่รวดเร็ว หรือสามารถสแกนเอกสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังในเวลาเดียวกัน ควร.....
การทำงานในยุคดิจิทัลมักจะเน้นความสะดวกรวดเร็วในการรับ ส่ง เอกสารต่าง ๆ ซึ่งอุปกรณ์ที่ถือว่าขาดไม่ได้ในการช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดการเอกสารจำนวนมากก็คือสแกนเนอร์ เพราะช่วยในการแปลงเอกสารที่เป็นกระดาษให้เป็นไฟล์แบบดิจิทัล เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ ค้นหา ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเอกสารที่เป็นกระดาษและการรับ ส่งเอกสารที่สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่าหากต้องเลือกสแกนเนอร์มาใช้สักเครื่องจะมียี่ห้อไหนที่น่าสนใจ
งบประมาณ
สแกนเนอร์มีให้เลือกหลายแบบและมีราคาที่แตกต่างกันไป ควรกำหนดงบประมาณที่สอดคล้องกับความต้องการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานขั้นพื้นฐาน ใช้สแกนเอกสารเพียงครั้งคราว หรือเพื่อเน้นการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสามารถจัดการเอกสารเป็นจำนวนมากสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก หรือสามารถสแกนเอกสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังในเวลาเดียวกัน ควรพิจารณาลักษณะการใช้งานควบคู่กับงบประมาณเพื่อเลือกซื้อสแกนเนอร์ในราคาที่คุ้มค่ามากที่สุด
ประเภทของสแกนเนอร์
ควรเลือกสแกนเนอร์ตามลักษณะเอกสารหรือสิ่งของที่ต้องการสแกน โดยมีให้เลือกหลัก ๆ 3 แบบดังนี้
Flatbed Scanner
สแกนเนอร์ประเภทนี้มีฝาเปิดปิดข้างบน มีจุดเด่นในการสแกนเอกสารที่มีความหนาเช่น หนังสือได้อย่างรวดเร็วรวมถึงการใช้สแกนวัตถุต่างๆ ได้เช่น ภาพวาด ดอกไม้ หรือเครื่องประดับ ภาพที่ได้จะมีความละเอียดและชัดเจนกว่าการถ่ายด้วยกล้องถ่ายรูป ไม่เหมาะกับการสแกนเอกสารจำนวนมากเพราะต้องใช้เวลานาน
Sheetfed Scanner
สแกนเนอร์แบบนี้เน้นการสแกนเอกสารจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน และมีคุณภาพไฟล์ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุด แต่ไม่สามารถสแกนเอกสารที่มีความหนาอย่างหนังสือได้
Handheld Scanner
เครื่องสแกนแบบพกพา แบบนี้จะมีขนาดกะทัดรัดสามารถใช้งานนอกสถานที่ได้อย่างรวดเร็ว เพียงใช้เครื่องสแกนแบบพกพา กวาดไปบนหน้าเอกสารจากด้านบนหน้าเอกสารเลื่อนไปจนสุดปลายด้านล่างของหน้ากระดาษ คล้ายๆ เครื่องอ่านบาร์โค้ด หรือ เครื่องอ่าน qr code ที่สแกนไปมาจากบนลงล่าง สแกนเนอร์แบบนี้เหมาะกับการใสแกนหนังสือ แคตตาล็อกสินค้า รูปถ่าย ฯลฯ สแกนเอกสารขนาดเล็กขนาดไม่เกิน A4 ที่ไม่ต้องการความละเอียดสูงนัก
ความละเอียดในการสแกน
ควรเลือกสแกนเนอร์ที่มีความละเอียดของการสแกนของการใช้งานตามความต้องการ ซึ่งมีการวัดค่าเป็นจุดต่อตารางนิ้วหรือ dots per inch (dpi) เช่น 300×300 dpi หรือ 600×600 dpi ยิ่งค่านี้สูง ไฟล์ก็จะมีคุณภาพสูงขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานแบบมืออาชีพเช่น งานโปสเตอร์ หรือการขายภาพวาดออนไลน์
ขนาดเอกสารที่ต้องการสแกน
โดยปกติแล้วสแกนเนอร์จะรองรับการสแกนเอกสารถึงขนาด A4 หรือเป็นขนาดของเอกสารทั่ว ๆ ไป แต่สำหรับบริษัทที่ต้องจัดการเอกสารขนาดใหญ่ หรือข้อมูลที่มากขึ้น อาจต้องเลือกสแกนเนอร์ที่มีความสามารถในการสแกนเอกสารถึงขนาด A3
ความเร็วในการเชื่อมต่อ
โดยปกติสแกนเนอร์จะเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์โดยใช้พอร์ต USB เช่น USB 2.0 และ USB 3.0 หากเลือกแบบ 3.0 ก็จะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลมากกว่า จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้จัดการเอกสารปริมาณมาก ๆ ด้วยความรวดเร็ว นอกจากนี้ เครื่องสแกนเนอร์บางตัวสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ แบบไร้สายผ่านทางเครื่อข่าย Wi-Fi หรือ Bluetooth ได้ จึงรองรับรูปแบบการทำงานได้หลากหลายมากขึ้น
รูปแบบไฟล์
เครื่องสแกนเนอร์ทำหน้าที่แปลงเอกสารหรือภาพวาดให้กลายเป็นไฟล์ภาพแบบดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น .jpg .png .BMP แต่สำหรับมืออาชีพที่ต้องการแปลงเอกสารในลักษณะเฉพาะมากขึ้น เช่น PDF หรือ RTF ควรพิจารณาฟังก์ชันในการสแกนอย่างถี่ถ้วนในการเลือกซื้อ
การรับประกันและบริการหลังการขาย
ควรตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย เช่นรูปแบบการรับประกัน ระยะเวลาในการรับประกัน รวมไปจนถึงความสะดวกในการหาอะไหล่ หรือส่งซ่อมหากเครื่องขัดข้อง จะทำให้ใช้งานสแกนเนอร์อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
Cr.KoomKar,Canon,Brother,FUJITSU,เครื่องสแกนแบบพกพา,
